วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

การแข่งขันกีฬาฟุตบอล กระชับมิตร ทีมฟุตบอล อโยธยายูไนเต็ดอะคาเดมี (อยุธยา) กับทีมฟุตบอลเยาวชนกรุงเทพ

การแข่งขันกีฬาฟุตบอล กระชับมิตร
ทีมฟุตบอล อโยธยายูไนเต็ดอะคาเดมี (อยุธยา) กับทีมฟุตบอลเยาวชนกรุงเทพ 



    คุณชณทัต ปัทะมะภูดล ประธานสโมสร อโยธยายูไนเต็ดอะคาเดมี่ (อยุธยา) นำนักกีฬาและเด็กนักเรียน โรงเรียนบางซ้ายวิทยา เดินทางไปกรุงเทพมหานคร เพื่อทำการแข่งขันกีฬาฟุตบอล กระชับมิตร ระหว่าง ทีมฟุตบอล อโยธยายูไนเต็ดอะคาเดมี (อยุธยา )กับ ทีมฟุตบอลเยาวชนกรุงเทพ ในวันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.00 น. ณ สนามกีฬา ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง 




    กิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลในครั้งนี้ คุณชณทัต ปัทะมะภูดล ประธานสโมสรฯ กล่าวว่า นักกีฬาตื่นเต้นกันมาก ที่ได้รับโอกาสเดินทางไปเตะฟุตบอลที่กรุงเทพมหานคร นับเป็นการเปิดประสบการณ์ในชีวิต เพราะเด็กหลายคนเป็นลูกชาวไร่ชาวนา มีรายได้น้อย แต่ทุกคนมีความขยันและตั้งใจ เด็กมีพรสวรรค์ในด้านกีฬา เป็นโอกาสที่ดีที่ได้เข้ามาเปิดประสบการณ์ในครั้งนี้


      น้องนักกีฬาชุดนี้ ส่วนมากเป็นเด็กนักเรียน โรงเรียนบางซ้ายวิทยา อำเภอบางซ้าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมาจากโรงเรียนอื่นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่สำคัญที่สุดต้องขอบพระคุณท่านพลตำรวจตรีประสพโชค พร้อมมูล ที่ให้โอกาส ทีมฟุตบอล ต่างจังหวัดได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน

    ด้าน พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการพัฒนากรุงเทพมหานคร ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart Citv) กล่าวว่า การแข่งขันฟุตบอล นัดกระชับมิตรระหว่างทีมเยาวชนกรุงเทพมหานคร กับ ทีมเยาวชนอโยธยายูไนเต็ดอะคาเดมี่ ณ สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดงในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับกรุงเทพมหานครแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อสานฝันให้กับนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนของพระนครศรีอยุธยาและของกรุงเทพมหานคร ในการที่จะพัฒนาต่อไปสู่การเป็นนักกีฬาฟุตบอลมืออาชีพ


    เป็นเพียงก้าวแรกของการจัดการแข่งขันเท่านั้น ในโอกาสต่อไปจะจัดให้มีการแข่งขันกระชับมิตรในลักษณะ เหย้า-เยือน ของทีมฟุตบอลเยาวชนกรุงเทพมหานคร กับ ทีมเยาวชนของจังหวัดต่างๆ ต่อไป เพื่อทำฝันของเยาวชนให้เป็นจริงในที่สุด


    กิจกรรมครั้งนี้มีหน่วยงานหลายหน่วยงาน อาทิเช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและกีฬา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มสว อดีตผู้บริหารทีมฟุตบอลเชียงใหม่ FCและภาคเอกชน ที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้

ททท.มุ่งส่งเสริม การเดินทางท่องเที่ยว ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวปลอดภัย Safety & Hygienic RoadTrip เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งวันธรรมดา และ วันหยุด

ททท.มุ่งส่งเสริม การเดินทางท่องเที่ยว ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวปลอดภัย Safety & Hygienic RoadTrip เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งวันธรรมดา และ วันหยุด


                        นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานปล่อยตัวขบวนรถยนต์ เดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวปลอดภัย-ปลอดโรค ต่อยอดแนวคิด Amazing Thailand Safety & Health Administration หรือ SHA ตามเส้นทางกรุงเทพฯ-สมุทรสงคราม-ราชบุรี ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2563




โดยผู้ร่วมกิจกรรมจาก กรมการท่องเที่ยว สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (มหาชน) หรือ อพท.  สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) BMW และ ปั๊ม ปตท. และคณะ สื่อมวลชน blogger และ KOL ที่มีชื่อเสียงร่วมสัมผัสประสบการณ์




                     ททท. คาดว่า แนวคิดเส้นทางท่องเที่ยวปลอดภัย-ปลอดโรคนี้ จะเป็นแนวทางในการสร้างความเร้าใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางอันจะช่วยฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งพร้อมนำเสนอนักท่องต่างชาติ กลุ่ม CLMV มาเลเซียและสิงคโปร์ ให้ขับรถเข้ามาท่องเที่ยวไทยหลังสถานคโควิคคลี่คลายต่อไป #HygeinicRoadtrip #ThailandSHA #shastandard

https://tourismproduct.tourismthailand.org/lists…#SHARoadtrip



งาน “ภูมิปัญญา อารยวิถี นครศรีธรรมราช” โชว์ ชิม ช็อป ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานจากนครศรีธรรมราช

งาน “ภูมิปัญญา อารยวิถี นครศรีธรรมราช”

โชว์ ชิม ช็อป ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานจากนครศรีธรรมราช



นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  เป็นประธานเปิดงาน ภูมิปัญญา อารยวิถี นครศรีธรรมราช ด้วยการจัดกระเช้าผลไม้ยักษ์และส่งต่อผลไม้ให้กับ ประชาชนภายในงานโดยมั นางสาวสุภากิตติ์  เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช และ พล.ท. ปวีณ สิกขะมณฑล ที่ปรึกษาศูนย์การค้าเจเจมอลล์ ร่วมในพิธีเปิด ณ  ศูนย์การค้า เจเจมอลล์ จตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่  31 กรกฎาคม 2563  โดยภายในงานจัดให้มีการแสดงการเชิดหนังใหญ่ ชุด นารีนครศรีธรรมราช , โนราห์ พร้อมชมมินิคอนเสริ์ตจาก เก่ง ธชยะ




จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงาน ภูมิปัญญา อารยวิถี นครศรีธรรมราชในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงตลาดสินค้าให้กระจายไปสู่ผู้บริโภคและเชื่อมโยงกับตลาดในภูมิภาคอื่นๆ ประชาสัมพันธ์  ให้ประชาชนในระดับประเทศได้รับรู้สินค้าสมุนไพร ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแปรรูป สินค้า GI ผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้าเกษตรของจังหวัดนครศรีธรรมราช


โดยภายในงาน ภูมิปัญญา อารยวิถี นครศรีธรรมราช จะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจำหน่ายสินค้า จำนวน 50 ร้านค้า เช่น เครื่องถมเครื่องเงิน กระเป๋าย่านลิเภา ผ้าทอเมืองนคร ผลิตภัณฑ์กระจูด สมุนไพร อาหารทะเลแปรรูป ผลไม้ (มังคุด ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง) ฯลฯ และจะมีการเจรจาธุรกิจ (Business Matching) กับผู้ประกอบการในพื้นที่หรือจังหวัดใกล้เคียง ไม่น้อยกว่า 15 ราย รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นให้การจัดงานมีความคึกคักมากขึ้น เช่น การจัดกิจกรรมนาทีทอง การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่สื่อถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช 


และการแสดงมินิคอนเสริต์จากศิลปิน ดารา ตลอดการจัดงาน อาทิเช่น กล้วยคลองหอยโข่ง , เก่ง ธชยะ, เนย สุรพงษ์ , ไข่มุก เดอะว้อทย์ และธัญญ่า อาร์สยาม โดยกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2563 ณ  ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้า เจเจมอลล์ จตุจักร กรุงเทพมหานคร   คาดว่ายอดการจำหน่ายสินค้าการจัดงานครั้งนี้ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท 

       

            นายศิริพัฒ  พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช  กล่าวว่า การจัดงาน ภูมิปัญญา อารยวิถี นครศรีธรรมราช  ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการที่จะได้มีโอกาสนำสินค้า ทั้งสมุนไพร สินค้าGI  สินค้าโอทอป  สินค้าเกษตร อาทิเช่น ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง มังคุด ทุเรียน เงาะ  เกษตรแปรรูป ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีเอกลักษณ์และเกิดจากภูมิปัญญาพื้นบ้านของผู้ผลิตในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้รับการส่งเสริมการผลิตและการตลาดจากหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นๆ   นำมาแสดง โชว์ ชิม ช็อป เพื่อให้ผู้บริโภคจับจ่ายเลือกซื้อหาโดยตรง



 และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการพัฒนาศักยภาพในการผลิต การแปรรูป ให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพมาตรฐานและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าชุมชนได้มีโอกาสเข้าสู่ระดับภูมิภาค ระดับประเทศได้ตามลำดับ  อันจะส่งผลให้เกิดรายได้ที่มั่นคง สร้างความมั่งคั่ง ให้กับเศรษฐกิจของภูมิภาค และประเทศได้ต่อไป


 

 

 


ผู้สื่อข่าวช่อง 13 สยามไทยสอบถาม สภ..คลองหลวง ในความคืบหน้าคดีลอบยิงรถเป็นรูพรุน

ผู้สื่อข่าวช่อง 13 สยามไทยสอบถาม สภ..คลองหลวง 

ในความคืบหน้าคดีลอบยิงรถเป็นรูพรุน

 

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เวลา 17.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ตำบลคลองสองอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จากกรณีที่ นายสุวรรณ บัวโรย ผู้สื่อข่าว สถานีโทรทัศน์ ช่อง 13 สยามไทย เจ้าของเพจ ข่าวชัดประเด็นจริง และผู้ติดตามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน ไม่ทราบขนาด ยิงเข้าที่บริเวณหลังคารถ ได้รับความเสียหาย หลังจากติดตาม ทำข่าว ความคืบหน้ากรณี มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรม ในการประมูลงานก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ของเทศบาลเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีมูลค่าร่วม 10 ล้านบาท นายสุวรรณ บัวโรย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวน สอบสวน ติดตามผู้ทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

วันนี้ นายสุวรรณ บัวโรย จึงได้มาสอบถามความคืบหน้ากรณีเหตุดังกล่าวสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกมาให้ปากคำเพิ่มเติมเรื่องกระสุนปืนปริศนาในวันเกิดเหตุว่ามีอะไรบ้าง ตนเองจึงได้เล่ารายละเอียดเพื่อหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ตนเองในฐานะสื่อมวลชนได้เสนอข่าวซึ่งอาจจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยมีผู้ร้องเรียนในงานประมูลซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ของเทศบาลเมืองคลองหลวง ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางเราก็ได้เสนอข่าวเพื่อความเป็นธรรมและโปร่งใส หลังจากที่ได้มาที่ สภ.อำเภอคลองหลวง หลังจากกลับบ้านพบว่ามีรอยกระสุนอยู่บนหลังคารถ โดยการตรวจสอบทางกองพิสูจน์หลักฐาน 1 ตรวจสอบพบว่า มีรอยกระสุนจริงทางด้านบนหลังคารถ โดยทางพนักงานสอบสวนได้สอบถามว่า เคยมีเรื่องกับใครหรือไม่ ซึ่งตนเองก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ตัวเองเชื่อว่าอาจจะนำเสนอข่าวในพื้นที่อาจจะมีผู้สูญเสียผลประโยชน์เรื่องการประมูลในท้องที่คลองหลวง เบื้องต้น ร.ต.อ.วรุตม์ ภูมิภักดิ์ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง เผยว่าจะให้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่ามีความเชื่อมโยงเหตุดังกล่าวหรือไม่


ตัวแทน หจก. โพ คนปั้น ร่วมประมูลงานซุ้มเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 เคลือบแคลงสงสัยขอตรวจสอบเอกสาร เพื่อความโปร่งใสหลังยื่นประมูลงาน หลังไม่จ่ายค่าน้ำ เอกสารบริษัทฯ สูญหาย ไม่รู้อยู่ไหน...

ตัวแทน หจก. โพ คนปั้น ร่วมประมูลงานซุ้มเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 เคลือบแคลงสงสัยขอตรวจสอบเอกสาร เพื่อความโปร่งใสหลัยื่นประมูลงาน หลังไม่จ่ายค่าน้ำ เอกสารบริษัทฯ สูญหาย ไม่รู้อยู่ไหน...

วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 เวลา 13.30 น. นายณัฐพล อนุพิทักษ์สมาน และนางสาวจรรยา เพ็งมี ตัวแทนห้างหุ้นส่วนจำกัด โพ คนปั้น ได้เดินทางมาที่ว่าการอำเภอคลองหลวง ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อสอบถามหาความจริงกรณี ได้มาร้องเรียนของความไม่เป็นธรรมในการประมูลงาน “สร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร (ในหลวงรัชกาลที่ 10)  ของเทศบาลเมืองคลองหลวง มูลค่าร่วม 10 ล้านบาท











นายณัฐพล อนุพิทักษ์สมาน  ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนเองได้มายื่นหนังสือ และถามหาเอกสาของห้างหุ้นส่วนจำกัด โพ คนปั้นที่หายไป จากการที่ทางเทศบาลคลองหลวงได้เชิญห้างหุ้นส่วนจำกัด โพ คนปั้น เข้าร่วมประมูลการก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และห้างหุ้นส่วนจำกัด โพ คนปั้น ได้เข้าร่วมประมูลงานสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10  ในครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้นก็ได้ทราบว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด โพ คนปั้น ของตนเองนั้นไม่ชนะ และผู้ที่ชนะการประมูลนั้นได้เสนอราคาประมูลเป็นจำนวนเงิน 7,983,000 บาท (เจ็ดล้านเก้าแสนแปดหมื่นสามพันบาท) ซึ่งเป็นราคาประมูลที่เท่ากับบริษัทของตน ซึ่งความน่าจะเป็นไปได้นั้นแทบไม่มีเลย ที่ราคาประมูลของทั้งสองบริษัทจะเท่ากัน

 

วันนี้ตนเองก็มาขอดูเอกสาร ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองก็ได้เดินทางมาที่เทศบาลเมืองคลองหลวงแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธ และไม่ได้รับความสะดวก หลังจากที่ได้ยื่นเอกสารถูกต้องก็เลยขอดูบริษัทผู้ชนะงาน เพื่อความโปร่งใสและเพื่อความเป็นธรรม อีกทั้งทางบริษัทของเราก็ได้ยื่นเอกสารครบถ้วน และก็อยากทราบว่าทำไมเขาถึงได้งานชนะการประมูล และงานของเราผิดพลาดตรงไหน และที่สำคัญเอกสารการประมูลของบริษัทเราก็สูญหาย สอบถามคนที่รับเอกสารการประมูล เขาก็บอกว่าได้นำไปไว้บนโต๊ะของผู้รักษาการผู้อำนวยการกองคลังแล้ว แต่ทางผู้รักษาการผู้อำนวยการกองคลังกลับบอกว่า ยังไม่ได้รับเอกสารของบริษัทตนเลย และเอกสารการประมูลของบริษัทตนหายไปไหน ทำให้ตนเองเคลือบแคลงสงสัยถึงความไม่โปร่งใส และก่อนที่จะมีแจ้งผลของการประมูล ก็มีคนชื่อ รอง ป. (นามสมมติ) โทรไปที่บริษัทตน เพื่อขอค่าน้ำน้ำชาตามธรรมเนียม แต่บริษัทของตนไม่ให้ เนื่องจากปริมาณจำนวนเงินค่อนข้างมาก การวันนี้ก็ตนเองก็ได้เดินทางมาขอดูเอกสารติดตาม แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าผู้ที่รับผิดชอบในส่วนนี้ออกไปข้างนอก ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ รวมทั้งผู้รับเอกสารการประมูลก็ไม่อยู่เช่นกัน ซึ่งทำให้น่าสงสัยถึงความไม่ชอบธรรม



เบื้องต้นตนเองก็ได้ยื่นเอกสารตามระเบียบกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการเทศบาลคลองหลวงเรีบร้อยแล้ว เพื่อส่งต่อนางสุดา ทองวิลัย รองปลัดเทศบาลคลองหลวง ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง พร้อมด้วยนายชูชาติ คล้ายทิม หัวหน้าฝ่ายพัสดุและทรัพย์สิน รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองคลัง หลังจากนี้ก็ตนเองก็จะเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ทางศูนย์ดำรงธรรมดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใสต่อไป


วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

บริษัท ไชน่าไทยทัวร์ จำกัด และบริษัท จีนธุรกิจ กรุ๊ป จำกัด มอบหน้ากากอนามัยและอูปกรณ์ป้องกัน เชื้อใวรัส โคโรนา 2019 (โควิด19) ให้เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

บริษัท ไชน่าไทยทัวร์ จำกัด และบริษัท จีนธุรกิจ กรุ๊ป จำกัด และอูปกรณ์ป้องกัน เชื้อใวรัส โคโรนา 2019 (โควิด19) ให้เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

           


                                       

มิสเตอร์ ลี่ หลิงไฮ (Mr. LI LingHai) กรรมการ บริษัท ไชน่าไทยทัวร์ จำกัด และบริษัท จีนธุรกิจ กรุ๊ป จำกัด พร้อมด้วยมิสเตอร์ เฉิน เหวิน (Mr.CHEN WEN) และมิสเตอร์ ลี ชิง จื้อ (Mr.LIXINGZHI นำอุปกรณ์ป้องกัน เชื้อใวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือ และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ขนาด 60 ml. ให้กับโครงการตู้ปันสุข (ตู้กับข้าว) เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมีนายปรเมศวร์ เพื่อประชาชนจะได้นำไปใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)

โดยทาง Mr.LI LINGHAI) ประธานบริษัทไชน่า ไทย ทัวร์ จำกัด และบริษัทจีน ธุรกิจ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เราต้องร่วมมือร่วมใจกันในสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ตนเองมีความมุ่งมั่นจริงใจที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชนในประเทศไทย

 


โครงการ " ร่วมใจ แบ่งปั่น รอยยิ้ม " คนไทยก็ยังมีน้ำใจต่อกันเสมอ ในภาวะวิกฤติ COVID-19

โครงการ " ร่วมใจ แบ่งปั่น รอยยิ้ม "
คนไทยก็ยังมีน้ำใจต่อกันเสมอ 
ในภาวะวิกฤติ COVID-19


    คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ เป็นประธานเปิดงาน "ร่วมใจ แบ่งปั้น รอยยิ้ม" พร้อมด้วย คุณชัชชัยกิตติไชย (เสี่ยชัช ตลาดไท) คุณเววตา สอนสุภาพ (เจ้แวว สำเพ็ง) ร่วมเปิดงาน โดยมีดารา เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์, ผัดไท- ดีใจ ดีดีดี ร่วมงานด้วย และร่วมกันแจกเนื้อจระเข้ หน้ากากอนามัย เจ็บแอลกอฮอล์ และถุงผ้าลดโลกร้อน ณ ลานฟอร์จูนสตรีท ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2563



    ปัจจุบันนี้ โรคระบาดโควิด-19 ที่ประทศไทยเผชิญกันอยู่ ยังคงส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาในหลายๆ ด้าน แต่ถึงแม้ในยามวิกฤตเช่นนี้ คนไทยก็ยังมีน้ำใจต่อกันเสมอ  คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ คุณชัชชัยกิศติไชย ( เสี่ยชัช ตลาดไท, ไทย คร๊อกโค ฟาร์ม & อรุณฟาร์มจระเข้ ศรีอยุธยา) คุณแววตา สอนสุภาพ (เจ้แวว สำพึง) ที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมและให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงได้ร่วมกันจัด โครงการ "ร่วมใจ แบ่งปั้นรอยยิ้ม" ขึ้น




    โครงการ "ร่วมใจ แบ่งปั้นรอยยิ้ม"มีวัตถุประสงค์
1. เพื่อช่วยเหลือแบ่งปันแก่สังคมในภาวะวิกฤติ COVID-19
2 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และดึงดูดให้เกิดการจับจ่ายในศูนย์การค้าฟอจูนทาวน์ให้กลับมาใช้บริการมากขึ้น
3.เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า และผู้ใช้บริการในศูนย์ฯ
4. เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างศูนย์การค้าฯ ลูกค้า และคู่ค้า





    โครงการ " ร่วมใจ แบ่งบัน รอยยิ้ม " ในครั้งนี้ได้นำผลิตภัณฑ์เนื้อจระข้สด จำนวน 2,000 กิโลกรัม อุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัส COVID-19  ได้แก่ หน้ากากผ้าและหน้ำกากอนามัย, เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ, แผ่นกรองหน้ำกาก ถุงผ้าลดโลกร้อน ฯลฯ เพื่อแบ่งปัน และบรรเทาความเดือดร้อน และการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID - 19) มามอบให้กับผู้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ พนักงานบริษัทภายในอาคารและบริเวณใกล้เคียง กลุ่มผู้พักอศัยและผู้สัญจรอยู่บริเวณโดยรอบศูนย์ฯ โดยใช้พื้นที่ ลานฟาอร์จูนสตรีท ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ซึ่งภายในงานมีการเว้นระยะห่างทางสังคม ตรวจวัดอุณหภูมิ พร้อมทั้งฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ก่อนเช้าร่วมงานดัวย


Kaidee เผยตัวเลขการใช้งานครึ่งปีแรก 2563 เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

Kaidee เผยตัวเลขการใช้งานครึ่งปีแรก 2563
เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

    Kaidee แหล่งซื้อ-ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เปิดเผยตัวเลขการใช้งานครึ่งปีแรก 2563 ที่มีผู้เข้ามาใช้บริการถึง 13 ล้านคน หรือกว่า 139 ล้านครั้ง โดยมีสินค้าปิดการขายได้มากกว่า 6 แสน 3 หมื่นรายการประกาศ ผ่านแพลตฟอร์ม Kaidee หรือนับโดยเฉลี่ยคือทุกๆ 25 วินาทีจะมีสินค้าขายได้หนึ่งชิ้น



โดยหมวดหมู่หลักที่มีผู้ใช้งานสูงสุด 5 อันดับแรกใน Kaidee ประกอบไปด้วย
1. รถมือสอง  มีการใช้งานกว่า 23 ล้านครั้ง
2. มอเตอร์ไซค์  มีการใช้งานกว่า 14 ล้านครั้ง
3. อสังหาริมทรัพย์  มีการใช้งานกว่า 10 ล้านครั้ง
4. มือถือ แท็บเล็ต  มีการใช้งานกว่า 9 ล้านครั้ง
5. พระเครื่อง  มีการใช้งานกว่า 9 ล้านครั้ง
และ 10 คำค้นหายอดฮิตจากผู้ใช้งาน Kaidee ในปีที่ผ่านมาได้แก่
1. รถ/รถยนต์
2. บ้าน/บ้านเช่า
3. หน้ากากอนามัย
4. Apple Watch
5. ตู้เย็น
6. ที่ดิน
7. แมว
8. iPad
9. BMW
10. PCX
    
    ซึ่งแนวโน้มการใช้งาน Kaidee ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเศรษฐกิจซบเซาจากสถานการณ์ Covid-19 ที่คนไทยมีความต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยการเปลี่ยนสิ่งของที่ไม่ได้ใช้รอบตัวให้กลายเป็นเงิน รวมถึงการหารายได้เสริมในการขายสินค้าออนไลน์
   
 และเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น Kaidee จึงมีการขยายทีมงานอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่สนใจร่วมงานสามารถดูรายละเอียดตำแหน่งงานเพิ่มเติมได้ที่ Team.Kaidee.com

โครงการ"เที่ยวเพื่อชาติ"รวมพลังไทยช่วยไทย ประสบความสำเร็จยอดจองทะลุ 88,888 แพ็กเกจ ตั้งแต่วันแรก เต็มภายใน 1 ชั่วโมง

โครงการ"เที่ยวเพื่อชาติ"รวมพลังไทยช่วยไทย
ประสบความสำเร็จยอดจองทะลุ 88,888 แพ็กเกจ ตั้งแต่วันแรก เต็มภายใน 1 ชั่วโมง 

    
    เปิดฉากอย่างสวยงามโครงการเที่ยวเพื่อชาติ เผยผลสำเร็จของการเปิดจองโครงการเที่ยวเพื่อชาติให้กับประชาชน ยอดจองทะลุ 88,888 แพ็กเกจ ตั้งแต่วันแรก ขณะที่แพ็กเกจจอง 50,000 บาท ใช้บริการได้ 100,000 บาท รับคูปองฟรี 2,800 บาทได้รับความนิยมสูงสุด 


      สมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน และพันธมิตรทางการค้า ผนึกกำลังสู้วิกฤติโควิด-19 ชวนคนไทยช่วยเมืองไทยในโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” นำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวราคาพิเศษ รับสิทธิ์จองเที่ยวล่วงหน้าเพิ่มมูลค่าเงินในกระเป๋า อายุยาวถึง 3 ปี ไม่ใช้บริการคืนเงินได้ 38 วัน รวมที่พักกว่า 4,000 แห่ง ตั๋วเครื่องบิน พร้อมสินค้าและบริการอย่างครบวงจร คาดกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนเงินหมุนเวียนในระบบ หวังคนไทยออกเดินทางกว่า 1 แสนคนภายใน 1 ปี 




    มาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน และพันธมิตรทางการค้า ร่วมกับ บริษัท เว็บ สวัสดี จำกัด (มหาชน) จัดโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” เชื่อมโยงผู้ประกอบการและประชาชน กระตุ้นท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ หนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน กระจายรายได้สู่ชุมชน ร่วมผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน คิกออฟจองสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมนี้ 


    นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน และผู้ก่อตั้งสมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งในส่วนของที่พัก ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก บริการนำเที่ยว รถเช่า ฯลฯ 




    “เที่ยวเพื่อชาติ” โดยมุ่งเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวไทย ออกเดินทางท่องเที่ยวและใช้บริการต่างๆ ในราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ฟื้นตัว ช่วยประคับประคองให้ผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหาร บริการนำเที่ยว รถเช่า สปา ร้านค้า ร้านของที่ระลึก ตลอดจนชุมชน ให้มีรายได้หล่อเลี้ยงต่อไป ก่อนที่สถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ 


    สมาคมฯ พร้อมความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สานต่อด้วยการช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมและบริการอื่น ๆ ทั่วประเทศ ด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ การจับจ่ายใช้สอย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วน ภายใต้โครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวเพื่อให้เศรษฐกิจมีการหมุนเวียนไปสู่สังคมและชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ อีกทั้งยัง ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สอยผ่านบัตรเครดิตหรือเงินสด พร้อมทั้งส่งเสริมช่องทางการชำระเงินออนไลน์ การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงรูปแบบต่าง ๆ ที่ สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal)

“สมาคมถือเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว โดยส่งมอบโปรโมชั่นท่องเที่ยวและบริการต่างๆ ในราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ถือเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่จะนำพาให้ประเทศไทยรอดพ้นจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ให้คนไทยออกมาช่วยประเทศไทย เพื่อเมืองไทยของเราทุกคน ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถนำไปขยายผลได้ อันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทยในระยาว” 


    พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข ประธานโครงการ“เที่ยวเพื่อชาติ” กล่าวว่า โครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” ได้มีแนวคิดจากการที่ สมาคมการค้าธุรกิจบริการค้าและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน ได้สนับสนุนโรงพยาบาลที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากเหตุการณ์ COVID-19 , โครงการแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนสู่ความยั่งยืน และ โครงการนักรบเสื้อกาวน์ นำแพทย์ และบุคลากรทางแพทย์ทั่วประเทศ “พัก กิน บิน เที่ยว ฟรี” ซึ่งได้รับผลตอบรับอย่างล้นหลาม โดยได้ประยุกต์โครงการดังกล่าว มาช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โดยใช้กลไกการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายสินค้า เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการเที่ยวเพื่อชาติ ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบให้กับคนในทั่วโลก 


    โครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” ได้รวมรวมสิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยวไว้อย่างครบครัน ประกอบด้วย ที่พักกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งสายการบิน ร้านอาหาร สปา ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก วิสาหกิจชุมชน บริการชำระเงิน บริการประกันภัยการเดินทาง โดยได้นำเสนอ 3 แพ็กเกจหลักเพื่อการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “จ่ายร้อยเที่ยวแสน” ซึ่งหมายถึงมูลค่าเพิ่มที่จะได้รับสูงสุดถึง 100,000 บาท ภายใต้ความสุขแบบ “แสนสนุก” “แสนสุขสันต์” โดยเปิดให้ประชาชนสนใจจองในรูปแบบคูปองล่วงหน้า รวม 88,888 สิทธิ ประกอบด้วย


แพ็กเกจที่ 1 จอง 990 บาท รับสิทธิ์จองที่พักและบริการท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการในราคาพิเศษ รวมมูลค่า 1,300 บาท พร้อมรับคูปองฟรี 50 บาท สำหรับใช้ในสินค้าและบริการที่เข้าร่วมในโครงการ
แพ็กเกจที่ 2 จอง 6,000 บาท รับสิทธิ์จองที่พักและบริการท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการในราคาพิเศษ รวมมูลค่า 10,000 บาท พร้อมรับคูปองฟรี 300 บาท สำหรับใช้ในสินค้าและบริการที่เข้าร่วมในโครงการ
แพ็กเกจที่ 3 จอง 50,000 บาท รับสิทธิ์จองที่พักและบริการท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการในราคาพิเศษ รวมมูลค่า 100,000 บาท พร้อมรับคูปองฟรี 2,800 บาท สำหรับใช้ในสินค้าและบริการที่เข้าร่วมในโครงการ ( จำนวนจำกัดเฉพาะ 100 ท่านแรกเท่านั้น )


    ขณะที่บรรยากาศภายในงานลูกค้ากดสั่งจองออนไลน์ในงานแถลงข่าวเปิดโครงการเที่ยวเพื่อชาติ ยอดจองไม่ขาดสาย จึงทำให้ครั้งนี้ตอกย้ำความสำเร็จว่าคนไทยจำนวนมากอยากเที่ยวพักผ่อนภายในประเทศ และแพ๊กเกจตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง และเป็นการเสริมความแข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว อันเนื่องมาจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


โครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป จำกัดจำนวน 88,888 สิทธิ จองได้ทั้งรูปแบบเงินสด บัตรเครดิต และการทำธุรกรรมทางออนไลน์ สามารถใช้บริการท่องเที่ยวภายในโครงการได้ภายใน 3 ปี หรือ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ทั้งนี้คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 1 แสนคนในช่วง 1 ปี เกิดการท่องเที่ยวและใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องอีกมากในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ผู้ที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ในโครงการเที่ยวเพื่อชาติได้ผ่านแอปพลิเคชัน Line : เที่ยวเพื่อชาติ 


ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและซื้อคูปองท่องเที่ยวล่วงหน้าภายใต้แคมเปญพิเศษในโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” ได้ในช่องทาง LINE : เที่ยวเพื่อชาติ Facebook : เที่ยวเพื่อชาติ และ www.sawadee.co.th 


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส  ในโครงการส่งเสริ...