วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

“นายกเยาว์” เปิดร้าน “YOURS” แฟชั่นดีไซน์ สไตล์ผ้าพื้นเมือง-ชาติพันธ์

“นายกเยาว์” เปิดร้าน “YOURS” แฟชั่นดีไซน์ สไตล์ผ้าพื้นเมือง-ชาติพันธ์



      รัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานตัดริบบิ้นเปิดร้าน YOURS Thailand ธุรกิจแฟชั่นดีไซน์ของ นงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย



โดยมีเพื่อนสนิทมิตรสหายและแขกผู้มีเกียรติมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย อาทิ บุญเวทย์ ศรีพวงใจ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย วิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงราย นายกิตติ ทิศสกุล ที่ปรึกษาสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ พร้อมพร จินดาวงศ์ เนตรหาญ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย สุรภี คุณยศยิ่ง ภริยารองแม่ทัพน้อยที่ 2 โชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชน และนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ดร.อนงค์ศรี สิทธิอาษา ประธานกรรมการบริษัท เชียงรายแลนด์แอสโซซิเอท มลธิชา ไชยบาล ผู้บริหารศิลามณีรีสอร์ท โชติรส ทัดไทสง วัฒนกูล ผู้บริหารโรงแรมวัฒนกูลรีสอร์ท อ.แม่สาย วิศิษฐ์ อาริยะ ผจก.ทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย รัชพล มหัทธะโนปภากร ผจก.ทั่วไปห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เชียงราย ที่ร้าน YOURS Thailand ซอย 18 มิถุนา อ.เมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564




       นงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ร้าน YOUR Thailand ไม่ใช่เพิ่งมาเปิดในวันนี้ แต่เปิดมาแล้วกว่า 3 ปี เมื่อก่อนตั้งอยู่หลังบิ๊กซี เชียงราย สาขา 1 เหตุที่ย้ายมาเปิดที่บ้านซอย 18 มิถุนา เพราะอยากอยู่ใกล้ครอบครัว ซึ่งแม่สามีอายุมากถึง 93 ปี จะได้ดูแลใกล้ชิด ในส่วนตัวตนเองทำงานด้านการท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับเรื่องของวิถีชีวิต เสื้อผ้า อาหาร จึงมีเพื่อนสนิทมิตรสหายนำขนมและอาหารการกินมาร่วมงาน เพื่อนๆ และน้องๆ ในวงการแฟชั่นก็มาร่วมงานจำนวนมาก




 งานเสื้อผ้าเป็นงานผ้าชาติพันธ์ประยุกต์จาก 35 ชาติพันธ์ เอาจุดเด่นจุดแข็งของแต่ละชาติพันธ์มาออกแบบดีไซน์ให้ร่วมสมัย ตนเองเรียนออกแบบดีไซเนอร์มา 5 ปี ได้ใช้สิ่งที่เรียนมาออกแบบดีไซน์ยกระดับผ้าให้กับชุมชน ทำให้ชุมชนมีรายได้และผู้ประกอบการก็มีสินค้าคุณภาพและมีรายได้ด้วย จนตั้งเป็นชมรมผ้าล้านนาขึ้น เป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นเมืองและชาติพันธ์ของจังหวัดเชียงราย และพร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีสากลได้ต่อไป




วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

แรมโบ้เฮิร์บ ร่วมกับกำนันตำบลหนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นำอาหารเสริมสมุนไพรกระชายขาว ไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดการติดแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19

แรมโบ้เฮิร์บ ร่วมกับกำนันตำบลหนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา นำอาหารเสริมสมุนไพรกระชายขาว ไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดการติดแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19

         พ.ต.อ.สุรโชค (สารวัตรแรมโบ้) เจษฎาเดช และนางฐิติณ์ชญา  เจษฏาเดช ตัวแทนบริษัท แรมโบ้ เฮริ์บ จำกัด และกำนันอดิศักดิ์ (กำนันช่อ) ธรรมรักษ์ กำนันตำบลหนองน้ำใส อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้นำอาหารเสริมสมุนไพรกระชายขาว จำนวน 150 ขวด  ไปแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่บ้านหนองแวง หมู่ที่ 2 ตำบลดอนเมือง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 


และยังได้มอบอาหารเสริมสมุนไพรกระชายขาว จำนวน 30 ชุด ให้กับนายวรเดช เกิดโมลี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นภูกระโดนนิวส์ เพื่อนำไปมอบให้พี่น้องประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านโนนแต้ หมู่ที่ 7 ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรับประทานสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19 และลดการติดแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ชาวบ้านร้องสื่อ หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม

ชาวบ้านร้องสื่อ หลังไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายชาตรี วงศ์เกตุ ชาวบ้านตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีที่ดินพิพาท

     และเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่บังคับคดีก็ได้นำหมายศาลมายังที่ดินพิพาท เพื่อทำการรังวัดที่ดิน เพื่อที่จะรื้อแนวรั้วกั้น แล้วต้องรื้อให้เสร็จภายในวันที่ 6 ธันวาคม 2564 รวมทั้งรังวัดที่ดินแนวเขตใหม่ตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งเป็นการเพิ่มเนื้อที่ให้คู่กรณีของนายชาตรีจำนวน 2 ไร่กว่า โดยนายชาตรีเห็นว่า การกระทำดังกล่าวนั้น ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงไม่ได้ลงลายมือชื่อยินยอม เพราะตนเองมั่นใจว่า ที่ดินและรั้วกั้นนั้นอยู่ในที่ดินของตนแน่นอน โดยมีสื่อมวลชนจากส่วนกลางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นายชาตรี วงศ์เกตุ ผู้ร้องกล่าวว่า ตนเองเชื่อในพยานหลักฐานและพยานบุคคลว่า “ที่ดินที่พิพาทนั้นเป็นของตนเองอย่างแน่นอน” คือ

ประกาศที่ 1 ที่ดินของตนได้ซื้อมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2553 จากนางสาวอรวรรณ ยอดพรมมา ซึ่งเป็นตัวแทนขาย  และได้มีการแจ้งทำการล้อมรั้วเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2554 ที่สถานีตำรวจภูธรนาน้อย กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน โดยมีพันตำรวจโทวิฑูร ชัยวุฒิ พนักงานสอบสวนเวรรับทราบ แล้วลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน   และขณะที่ทำการตั้งแนวรั้ว นางสาวอรวรรณ ตัวแทนขายก็เป็นผู้ชี้เขตแดนให้ตั้งแนวรั้วเอง โดยมีนายสะอาด มาคำ ซึ่งเป็นกำนันในขณะนั้นร่วมในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งแนวรั้วดังกล่าวก็มีมาก่อนที่คู่กรณีมาซื้อที่ดินติดกัน เพราะคู่กรณีได้ซื้อที่ดินเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า รั้วดังกล่าวนั้นอยู่ในที่ดินของตน

ประการที่สอง มีหลักฐานเป็นหนังสือบันทึกการอุทิศ/บริจาคที่ดิน ในการวางท่อสาธารณประโยชน์ยาว 800 เมตร ที่ตนเองได้ทำกับนางวนิดาภรณ์ ทิพย์ปาละ รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำตก รักษาราชการแทนปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำตก เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2560 โดยมีนายชยุต จิตรานนท์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำตก และเจ้าหน้าที่ของ อบต.น้ำตก พร้อมด้วยลูกบ้านจำนวน 50 คน ได้มาขอที่ดินเพื่อวางท่อน้ำสาธารณประโยชน์จากตน ดังนั้นที่ดินดังกล่าวก็ต้องเป็นของตน ตนจึงจะสามารถบริจาคที่ดินดังกล่าวได้

ประการที่สาม ตนเองมีพยานหลักฐานสำเนาภาพถ่ายแนวเขตป่าไม้ของจังหวัดน่านปี 2556 และ 2562


ประการที่ 4 ตนเองเคยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคู่กรณีในคดีที่ดังกล่าวมาแล้วถึง 2 ครั้ง ศาลจังหวัดน่านมีคำพิพากษาว่า “คู่กรณีมีความผิดฐานบุกรุก” มีโทษจำคุก และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ตนเป็นจำนวนเงิน 16,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญามีกำหนด 2 ปี จากคำพิพากษาของศาลตนจึงมั่นใจว่าที่ดินนั้นเป็นของตนอย่างแน่นอน


แต่หลังจากที่คู่กรณีของตนเป็นโจทก์ฟ้องตน และมีคำพิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ของตน ตนจึงอยากให้มีการรังวัดที่ดินทั้ง 3 แปลงที่เป็นของตนกับคู่กรณีใหม่ จะได้ทราบว่าที่ดินของแต่ละคนนั้นมีเนื้อที่และอาณาเขตพื้นที่ถึงตรงไหนกันแน่ แต่คู่กรณีกลับไม่กล้าที่จะให้รังวัดที่ดิน จึงทำให้ตนเองสงสัย คลางแคลงใจว่า การที่คู่กรณีไม่กล้าให้รังวัดที่ดินใหม่นั้น มีอะไรแอบแฝง หรือมีการปกปิดอะไรหรือเปล่า

นายชาตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนจะสู้ให้ถึงที่สุด และจะเดินหน้ายื่นหนังสือร้องเรียนไปยังส่วนกลาง ทั้งศูนย์ดำรงธรรม และศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

DITP พร้อมจัดงาน “Phuket Gems & Jewelry Fest” 8-12 ธ.ค. 2564 นี้ ณ จังหวัดภูเก็ต

DITP พร้อมจัดงาน “Phuket Gems & Jewelry Fest” 8-12 ธ.ค. 2564 นี้ ณ จังหวัดภูเก็ต         

                        

         กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการจัดงาน “Phuket Gems & Jewelry Fest by Bangkok Gems and Jewelry Fair” ระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาคม 2564 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จังหวัดภูเก็ต ตั้งเป้าช่วยเหลือผู้ส่งออกไทยหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และขยายมูลค่าส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย โดยมีการแสดงแฟชั่นโชว์เครื่องประดับและอัญมณี นำโดย อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2564 ณ โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564

         

          นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า โครงการ Phuket Gems & Jewelry Fest by Bangkok Gems & Jewelry Fair จัดขึ้นเพื่อสร้างช่องทางและเวทีการค้าทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ให้ผู้ผลิตและส่งออกไทย ให้สามารถพบปะ สร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและเจรจาการค้ากับผู้ซื้อ/ผู้นำเข้าในประเทศเป้าหมายได้ในยุค New Normal ซึ่งเป็น ไปตามนโยบาย และตามยุทธศาสตร์ การ รักษาและขยายตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ รวมถึงฟื้นตลาดเก่าที่เคยเป็นตลาดสำคัญ เพื่อมุ่งช่วยเหลือและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการไทย ตลอดจน กระตุ้นมูลค่า การส่งออกซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศดำเนินการ


             “อัญมณีและเครื่องประดับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอัญมณีและเครื่องประดับจากประเทศไทยได้รับการ ยอมรับจากผู้ซื้อและผู้นำเข้าทั่วโลกด้วยจุดเด่นและศักยภาพ ทั้งด้านวัตถุดิบซึ่งไทยถือเป็นศูนย์กลางการค้าพลอยสีที่ใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ขณะที่ ด้านการผลิต ช่างฝีมือไทยมีทักษะและความประณีตในการปรับปรุงคุณภาพพลอย การออกแบบที่โดดเด่นและการขึ้นรูปเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์ ส่งผลให้ไทย เป็นหนึ่ง ในศูนย์กลางการค้าและห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก โดยในปี 2563 ไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ รวมทองคำไม่ขึ้นรูป คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 18,208.94 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564  สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวม ทองคำ ยังไม่ ได้ขึ้นรูป สร้างมูลค่าการส่งออกรวม 4,936.00 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.43 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563”

        ภายในงานแถลงข่าวยังมีการเสวนาจาก 3 วิทยากร ได้แก่ คุณสิรพัฐ พิพัฒน์วีรวัฒน์ จากบริษัทเดอมอนด์ อนัณดารา จำกัด แบรนด์เครื่องประดับเพชร เดอ มอนด์ คุณศรัณย์ อยู่คงดี จิวเวลรี่ดีไซเนอร์ เจ้าของแบรนด์เครื่องประดับ SARRAN ร่วมพูดคุยถึงการพัฒนาต่อยอดจิวเวลรี่แบรนด์ไทยให้มีความร่วมสมัย และครองใจ ผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมด้วย อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2564 ร่วมแบ่งปัน เคล็ดลับการเลือก เครื่องประดับชิ้น งามให้เหมาะกับ สาวยุคใหม่ พร้อมเชิญชวนชมงาน ณ จังหวัดภูเก็ตอีกด้วย

         กิจกรรมภายใต้โครงการ “Phuket Gems and Jewelry Fest by Bangkok Gems0 and Jewelry Fair” ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จังหวัดภูเก็ต จะแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรม Online Business Matching หรือการจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์โดยมีทูตพาณิชย์ทั่วโลกเป็นผู้เชื่อมโยงการจับคู่ผู้ซื้อต่างประเทศกับผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการกว่า 350 ราย ซึ่งมีกำหนดจัดระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 5 ธันวาคม 2564 นี้

      ส่วนกิจกรรมที่ 2 คือ งานแสดงสินค้า “Phuket Gems and Jewelry Fest by Bangkok Gems and Jewelry Fair” ในรูปแบบของ Mini Exhibition กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-12 ธันวาคม  2564 นี้ ณ ลานโปรโมชั่นชั้น 1 เซ็นทรัล ภูเก็ต เฟสติวัล รวบรวมสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากผู้ผลิตและส่งออกไทยชั้นนำ  50 ราย สินค้าที่จัดแสดงในงานครอบคลุมหลากหลายประเภท อาทิ เครื่องประดับ Costume และ Fashion Jewelry เครื่องประดับ Fine Jewelry เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง เพชร พลอยสี มุก พลอยและอัญมณีสังเคราะห์ รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ 


         สำหรับใครที่กำลังมองหาอัญมณีคุณภาพ หรือเครื่องประดับ ฝีมือคนไทยคุณภาพส่งออก หรือจะเลือกหาเครื่องประดับเป็นของขวัญ สามารถเลือกซื้อเลือกชมได้ภายในงาน และนับเป็นโอกาสดีที่จะได้ท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ดินแดนไข่มุกแห่งอันดามัน ที่ติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกไปด้วยในขณะเดียวกัน ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานแสดงสินค้าที่เซ็นทรัลเฟสติวัล หรือชมถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์  ในวันที่ 8-10 ธันวาคม 2564 

             ชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bkkgems.com หรือ Facebook และ Instagram: Bangkok Gems Official หรือโทรสายตรงกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 1169


 

                                                                           


 


วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

รู้จัก “เดวิด” เทรนเนอร์เบอร์ 1 BDMS wellness Clinic

 รู้จัก “เดวิด” เทรนเนอร์เบอร์ 1

BDMS wellness Clinic

                    กว่าร้อยละ 80 ของคนไทยมีอาการออฟฟิศซินโดรม! เป็นตัวเลขที่ฟังดูน่าตกใจ นั่นเป็นเพราะการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ นั่งอยู่ในท่าเดียวตลอดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอและส่วนบนของหลังทำงานหนัก บ่อยเข้าเกิดการบาดเจ็บแบบสะสม ที่สุดนำไปสู่โรคเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูก

                     คลินิกสร้างเสริมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal and Rehabilitation Clinic) ที่ BDMS Wellness Clinic มีอุปกรณ์ครบครัน โดยมี “เครื่องเดวิด” (David Gym Solution) เป็นเครื่องออกกำลังกายที่สามารถรองรับกล้ามเนื้อทุกมัดและดูแลกล้ามเนื้อชั้นลึกมากกว่าเครื่องออกกำลังกายประเภทอื่น ออกแบบมาเพื่อบริหารกล้ามเนื้อแบบเฉพาะเจาะจง ดูแลการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง สะโพก ข้อเข่า และข้อไหล่ตามหลักกลศาสตร์ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งผู้ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและร่างกาย ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ มีปัญหาจากอาการออฟฟิศซินโดรม ปวดหลัง-ไหล่เรื้อรัง ผู้ที่เตรียมความพร้อมก่อนเข้าผ่าตัดหรือฟื้นฟูหลังผ่าตัด และนักกีฬาอาชีพเพื่อพัฒนาศักยภาพทางการกีฬา โดยมีการแสดงผลบนหน้าจอขณะออกกำลังแบบเรียลไทม์ สามารถสร้างแนวทางการออกกำลังกายเฉพาะบุคคล

                    ผศ.ดร.นพ.ประวีร์ สิริเธียรทรรศน์ ผู้อำนวยการคลินิกสร้างเสริม และฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและกระดูก(Musculoskeletal and Rehabilitation Clinic) BDMS Wellness Clinic กล่าวว่า มนุษย์เป็น Active Animal จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ถ้าขาดการออกกำลังกายจะนำมาซึ่งโรคต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ โรคออฟฟิศซินโดรม เพราะการที่ต้องอยู่ในท่าเดียวนาน ๆ นั่งนาน ๆ ใช้สมาร์ทโฟนนานเกินไป ทำให้เกิดการเสื่อมที่กระดูกต้นคอและกระดูกสันหลังได้ หลังจากที่นั่งๆ นอนๆ Work from Home มากว่า 2 ปี แม้ว่าอาจไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ แต่กล้ามเนื้อที่อ่อนแอ ร่างกายอ่อนแอมาก เมื่อต้องกลับไปทำงานอีกครั้งสิ่งที่จำเป็นคือ การทำให้ตนเองมีสภาพพร้อมที่สุด

                    อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเลือกออกกำลังกายแบบไหนควรมีการตรวจเช็คร่างกายเพื่อทราบว่าเรามีจุดอ่อนที่ใด ต้องเสริมตรงไหนจึงทำให้การออกกำลังกายได้ประโยชน์สูงสุด ที่สำคัญคือ ต้องระวัง “โอเวอร์เทรนนิ่ง (Overtraining)” เช่นในกรณีที่โหมออกกำลังกายเพราะต้องการมีซิกแพคเช่นเดียวกับไอดอลหรืออินฟลูเอนเซอร์ที่เห็นในหน้าฟีดบนโลกออนไลน์ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

                   BDMS Wellness Clinic มีเป้าหมายทำให้คนแข็งแรง ฉะนั้นนับตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา “คลินิกสร้างเสริมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและกระดูก” จึงมีการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินเพื่อออกแบบโปรแกรมการออกกำลังที่เหมาะสมกับตัวเรา มีเทรนเนอร์คอยกำกับดูแลแบบหนึ่งต่อหนึ่ง อีกทั้งได้รับเกียรติจาก ดร.จีรี โวด์แรค อดีตประธานฝ่ายแพทย์ของฟีฟ่า ที่ปรึกษาฝ่ายบริหารคลินิกสร้างเสริมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและกระดูก BDMS Wellness Clinic ช่วยออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย

                “จุดเด่นของ BDMS Wellness Clinic นอกจากการมีแพทย์เป็นผู้ประเมินและออกแบบการออกกำลังกายให้แล้ว ยังมีเครื่องเดวิดที่ออกแบบมาให้ออกกำลังกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ที่เราไม่ค่อยได้ใช้งาน และการที่เรามีอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อจะยิ่งอ่อนแอลง เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแอลง จะนำไปสู่โรคหลายๆโรค โดยเครื่องเดวิดสามารถจดจำการออกกำลังกายทุกครั้งของแต่และบุคคลเพื่อประสิทธิภาพในการพัฒนาการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในระยะยาว เพราะการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องแบบจริงจังจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ”

                 การออกกำลังกายถือเป็นสิ่งสำคัญของการสร้างสุขภาพที่ดี ทั้งนี้ขึ้นกับพื้นฐานสมรรถภาพทางกายของแต่ละคน ตัวอย่างเช่น การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ ฯลฯ ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น จึงให้ประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหัวใจไม่ค่อยแข็งแรง หรือ การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อแล้วยังเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องกระดูกบาง 

                  “การออกกำลังกายทำให้อายุร่างกายเยาว์วัยลง” เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะเสื่อมลง “เราพบว่าการออกกำลังกายต่อต้านความชราทุกระบบ” เพราะ... 

1. เมื่ออายุมากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อเสียสมดุล เช่นการนั่ง ยืน หรือเดินที่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งนานเข้าย่อมเกิดความเสื่อม กล้ามเนื้อเสียสมดุล การออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อได้สมดุล จึงลดการเกิดโรค 

2. เมื่ออายุมากขึ้น หัวใจอ่อนแอลง การทำคาร์ดิโอทำให้กล้ามเนื้อหัวใจและระบบการสูบฉีดโลหิตที่ไปเลี้ยงร่างกายยังคงแข็งแรง จึง “ต่อต้านความชราได้ดีที่สุด” รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าการออกกำลังกายเป็นตัวกระตุ้นที่ดีที่สุดให้เกิดภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น จึงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

                ทั้งนี้ บนไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการถูกดิสรัปต์โดยโควิด-19 ทำให้เรายังคงต้องยกการ์ดสูง เว้นระยะห่าง ไม่มีอีกแล้วภาพของการออกกำลังกายบนลู่วิ่งท่ามกลางคนหมู่มาก BDMS Wellness Clinic เน้นความเป็นส่วนตัว ออกแบบสถานที่ให้เหมาะกับการออกกำลังกายแบบ private group และสำหรับชีวิตวิถีใหม่ที่ออนไลน์มากขึ้น ที่นี่ยังมีโปรแกรม Tele-Exercise ที่ช่วยดูแลการออกกำลังกายในรูปแบบออนไลน์อีกด้วย เพราะ BDMS Wellness Clinic ไม่ได้เน้นแค่รูปลักษณ์ภายนอก ที่ต้องเหมือนนายแบบนางแบบ แต่เน้นทำให้คนที่ก้าวเข้ามามีสุขภาพที่ดี มีชีวิตยืนยาว และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข แล้วหุ่นดีจะตามมาเอง 



มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส  ในโครงการส่งเสริ...