วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รับมอบอุปกรณ์ป้องกันไวรัสโควิด-19 และอาหารกล่อง จากเคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี เพื่อส่งต่อให้ข้าราชการตำรวจในสังกัด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รับมอบอุปกรณ์ป้องกันไวรัสโควิด-19 และอาหารกล่อง

จากเคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี

เพื่อส่งต่อให้ข้าราชการตำรวจในสังกัด

                พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รับมอบอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 หน้ากากอนามัยจำนวน 750 ชิ้น เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้จำนวน 5 เครื่อง  รวมทั้งอาหารกล่อง 100 กล่อง จากคุณกฤติยาณี พรมแพง ผู้บริหาร เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี ที่ ศปก.ตม.จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อส่งต่อให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันไวรัสโควิด-19


พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเป็นด่านแรกในพบปะ พูดคุย และควบคุมนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ดังนั้น อุปกรณ์ป้องกันไวรัสโควิด-19   ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ เจลแอลกอฮอล์ และอุปกรณ์อื่นๆ ล้วนมีความเป็นอย่างมาก อุปกรณ์การแพทย์ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ทางเคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี ให้มานั้น ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็จะส่งต่อให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ในการคัดกรองนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อเป็นการป้องกันไวรัสโควิด-19

ด้าน คุณกฤติยาณี พรมแพง ผู้บริหาร เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี กล่าวว่า เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี เป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยยี่ห้อ My medical care+ , อินฟราเรด เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ ยี่ห้อ Care+ , ชุด Rapid tester , เจลแอลกอฮอล์ ,ชุด Isolation Protective รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นในการดูแลและป้องกันตัวเองของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป รวมทั้งส่งออกอุปกรณ์ป้องกันที่เกี่ยวกับไวรัส-19  ไปยังประเทศแถบยุโรปและอเมริกา อีกทั้งเรายังได้นำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ มาจัดจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ตัวเอง และแบรนด์อื่นๆ ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดยการสั่งนำเข้ามานี้ ทางบริษัทได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎข้อบังคับจากกระทรวงสาธารณสุขและจากรัฐบาลไทย

ดังนั้นทาง เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี จะยังคงเดินหน้าต่อไปในการแบ่งปัน ช่วยเหลือสังคมต่อไป ตามที่ คุณปีเตอร์ แมคคาเทียร์ ผู้บริหาร ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี อีกท่าน ที่อยู่เบื้องหลังหลัก เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด ตั้งปณิธานไว้ในเรื่องของการแบ่งปัน และการช่วยเหลือสังคม ตามคอนเซ็บบริษัทที่ยึดถือ การทำประโยชน์เพื่อสังคมเป็นหลัก เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จนกว่าจะผ่านพ้นไวรัสโควิด-19 ไปได้

 

 


วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ขวัญใจชาวบ้าน พร้อมด้วยแม่บ้านมหาดไทย อำเภอเมืองนครสวรรค์ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากจน และผู้ด้อยโอกาส

นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ขวัญใจชาวบ้าน พร้อมด้วยแม่บ้านมหาดไทย อำเภอเมืองนครสวรรค์

ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากจน และผู้ด้อยโอกาส




         ว่าที่ร้อยตรี ปรีชา พลับน้อย นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ พร้อมด้วยแม่บ้านมหาดไทยอำเภอเมืองนครสวรรค์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อสม. ในพื้นที่อำเภอเมืองนครสวรรค์  ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพและหน้ากาอนามัยจากสภากาชาดไทย ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโรค COVID-19 ในกลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ยากจน และผู้ด้อยโอกาส จำนวน 160 ราย  ในพื้นที่อำเภอเมืองนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา





มูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์ เป็นตัวแทนมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง มอบเงินให้โรงพยาบาลจิตเวช นครสวรรค์ และมอบหีบศพให้กับ อบต.แม่วงก์

มูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์ เป็นตัวแทนมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

มอบเงินให้โรงพยาบาลจิตเวช นครสวรรค์ และมอบหีบศพให้กับ 

อบต.แม่วงก์



นายปราการ  วิบูลย์วัฒนกิจ ประธานมูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์ พร้อมคณะกรรมการมูลนิธิฯ  เป็นตัวแทนมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  มอบเงินให้โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ ราชนครินทร์ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อสงเคราะห์ผู้ป่วยขาดแคลน เดือนละ 3,000 บาท รวม 8 เดือน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 24,000 บาท (สองหมื่นสี่พันบาทถ้วน) โดยมีนายจิรเดช เนตรศิริ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ ราชนครินทร์ เป็นผู้รับมอบ ณ มูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563



ต่อจากนั้น นายปราการ  วิบูลย์วัฒนกิจ ประธานมูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์ พร้อมคณะกรรมการ ยังได้มอบหีบศพบริจาคจำนวน 20 หีบให้กับ อบต.แม่วงก์ อ.แม่วงก์ จ.นครสวรรค์ เพื่อนำไปบริจาคให้แก่ศพยากไร้ ที่มีฐานะยากจน ขาดแคลน ณ มูลนิธิปากน้ำโพประชานุเคราะห์ จังหวัดนครสวรรค์


องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) พื้นที่พิเศษ 4 เดินทัพอบรมออนไลน์ฟรี เพิ่มศักยภาพความรู้ ความเข้าใจ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เทคนิคการจัดทำสื่อออนไลน์ พี่สอนน้องเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงโดยมัคคุเทศก์เชี่ยวชาญมรดกโลก ช่วงสถานการณ์ โควิด-19

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) พื้นที่พิเศษ 4 เดินทัพอบรมออนไลน์ฟรี

เพิ่มศักยภาพความรู้ ความเข้าใจ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เทคนิคการจัดทำสื่อออนไลน์

พี่สอนน้องเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงโดยมัคคุเทศก์เชี่ยวชาญมรดกโลก ช่วงสถานการณ์ โควิด-19



วันที่ 29 พฤษภาคม 2563  องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ภายใต้การนำของนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)   โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ4 (อพท.4) ที่มี ดร.ประครอง สายจันทร์ เป็นผู้จัดการ อพท. พื้นที่พิเศษ 4 (อพท.4) ได้จัดอบรมออนไลน์ฟรีทั้งเดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพความรู้ ความเข้าใจ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เทคนิคการจัดทำสื่อออนไลน์ พี่สอนน้องเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงโดยมัคคุเทศก์เชี่ยวชาญมรดกโลก ช่วงสถานการณ์ โควิด-19 โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมรับฟัง เรียนรู้ เเสดงความคิดเห็น ในระบบโปรเเกรม Zoom ทุกวันจันทร์/อังคาร/ศุกร์ ช่วงเวลา 14.30-15.30 และ 15.30-16.30 น. โดยเชิญกูรูแต่ละด้านมาให้ความรู้ ได้เเก่



1. สรรสร้าง อย่างสร้างสรรค์กับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์  โดยวิทยากร 2 ท่าน คือ ดร.ประครอง สายจันทร์ ผู้จัดการ อพท.4 เเละนางประภัสสร วรรธนะภูติ หัวหน้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ทุกวันศุกร์ เวลา 15:30-16:30 น.จำนวน 3 ครั้ง เริ่มวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 4 (อพท.4) และสำนักส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน (สทช.) จัดฝึกอบรมออนไลน์พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ครั้งที่ 1 จาก 3 ครั้ง (Creative Tourism) เพื่อสร้างนักพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ และ กิจกรรมใหม่ creative  100 กิจกรรม โดยวันนี้ได้รับความสนใจ มีผู้เข้าร่วมทั้งในและต่างประเทศ จากหลากหลายอาชีพ หลายความสนใจ หลายหน่วยงาน พร้อมกันนี้ยังได้จัดทดสอบนวัตกรรม ระบบการพัฒนา Creative Tourism ด้วยตนเองซึ่งหากระบบนิ่งเสถียรแล้วจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ท่านที่สนใจสามารถเข้าเรียน หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-648-4435

2. อบรมออนไลน์ เรียนรู้เทคนิคการจัดทำสื่อออนไลน์จากกูรู เพจท่องเที่ยว ช่างภาพมืออาชีพ ในการทำ content และการถ่ายภาพในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทุกวันจันทร์ เวลา 14.30-15.30 น. เริ่ม 1 มิถุนายน 2563 ท่านที่สนใจสามารถเข้าเรียนหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 064-649-8749 และ 087-315-0676 


3. อบรมออนไลน์ เรื่อง "พี่สอนน้องเล่าเรื่อง” ที่มีมัคคุเทศก์อาชีพที่เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดประสบการณ์ตรงในการเป็นนักสื่อความหมายชุมชนแก่แหล่งท่องเที่ยวชุมชน จำนวน 4 ครั้ง ทุกวันอังคาร เริ่ม 9 มิถุนายน 2563 เวลา 15.30-16.30 น. โดยมัคคุเทศก์เชี่ยวชาญมรดกโลก และมัคคุเทศก์ Sukhothai bicycle Tour ทั้งนี้ ท่านที่สนใจสามารถเข้าเรียนหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 083-995-4045 และ 087-315-0676 

หากผู้สนใจท่านใดเข้าห้องระบบออนไลน์ Zoom ไม่ทัน สามารถดูผ่าน Live สด ผ่านเพจ Dasta4Travel

 


รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ลงพื้นที่ ตรวจเข้ม ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ร้านค้าปลีก และค้าส่งขนาดย่อม ในเขตอำเภอเมืองนครสวรรค์

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ลงพื้นที่ ตรวจเข้ม 

ตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ร้านค้าปลีก และค้าส่งขนาดย่อม 

ในเขตอำเภอเมืองนครสวรรค์ 

  


นายอรรถพร สิงหวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ มอบหมายให้นายปรีชา เดชพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วยนายสุวัฒน์ บำรุงศรี รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์ นายประดิษฐ์ หลวงจอก พัฒนาการจังหวัด  นายเฉลิม  ประสาททอง ท้องถิ่นจังหวัดนครสวรรค์ ผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกับ ว่าที่ร้อยตรีปรีชา พลับน้อย นายอำเภอเมืองนครสวรรค์ และเทศบาลนครนครสวรรค์ ตรวจประเมินตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ และร้านค้าปลีก/ร้านค้าส่งขนาดย่อม ในพื้นที่อำเภอเมืองนครสวรรค์ จำนวน 4  แห่ง คือ 1. ตลาดสดศรีนคร 2. ตลาดค้าส่งศรีนคร 3. ศรีนครแฟชั่น  และ 4.ตลาดนัดศรีนคร เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา



พบว่ามีการปฏิบัติตามมาตรการครบทุกข้อ พร้อมทั้งมีข้อแนะนำให้ตลาดนำไปปฏิบัติ ได้แก่ 1. ให้มีการทำป้ายประชาสัมพันธ์สวมหน้ากากอนามัยสำหรับผู้ใช้บริการในตลาดและร้านค้าปลีก/ร้านค้าส่งขนาดย่อม  2. ให้มีการลงทะเบียนชื่อเข้า-ออกในตลาดค้าส่งขนาดใหญ่และร้านค้าปลีก/ร้านค้าส่งขนาดย่อม 3. ให้มีการแบ่งโซนย่อยระหว่างตลาดสดกับร้านค้าปลีกแฟชั่นไม่ให้เชื่อมติดกัน


วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ในความเดือดร้อนที่ได้รับจากผลกระทบต่อธุรกิจจากเชื้อไวรัสโควิด-19

กลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง)

ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี

ในความเดือดร้อนที่ได้รับจากผลกระทบต่อธุรกิจจากเชื้อไวรัสโควิด-19


จากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศ การท่องเที่ยวจึงต้องหยุดชะงักลง จึงมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านชายชองที่ระลึก สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) ไม่มีนักท่องเที่ยวมาจ้างเหมารถทัวร์ท่องเที่ยว ทำให้รถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) ขาดการจ้างงาน ขาดรายได้ ซึ่งเป็นรายได้หลักของรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง)


วันนี้ (วันที่ 29 พฤษภาคม 2563) นายไกรพิทักษ์ ศิริพล ประธานกลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย และเจ้าของรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสไม่ประจำทาง) จึงได้นำกลุ่มผู้ประกอบการและเจ้าของรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) มายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียน เพื่อให้รัฐบาลได้รับทราบถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ของรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) เพื่อหาหนทางช่วยเหลือเยียวยา และแก้ไข พิจารณาหาวิธีลดหย่อนผ่อนผันในบางเรื่องบางกรณีในสภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้และความเป็นอยู่อย่างไม่มีรายได้จริงๆ มาแล้วหลายเดือน และไม่รู้ว่ากลุ่มรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) จะฟื้นตัวหรือมีงานมาจ้างเหมาเช่ารถทัวร์ฯ ไปท่องเที่ยวอีกเมื่อไหร่


นายไกรพิทักษ์ ศิริพล ประธานกลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย และเจ้าของรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสไม่ประจำทาง) กล่าวว่า หนังสือร้องเรียนที่ทางกลุ่มผู้ผู้ประกอบการและเจ้าของรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) มายื่นนั้น เพื่อให้รัฐบาลหาหนทางช่วยเหลือเยียวยา และแก้ไข พิจารณาหาวิธีลดหย่อนผ่อนผันในบางเรื่องนั้น มีใจความดังต่อไปนี้ คือ


1. อยากให้รัฐบาลช่วยปรึกษาหารือกับธนาคารหรือสถาบันการเงินของรัฐ ให้ช่วยเหลือเยียวยา โดยการปล่อยเงินกู้ให้กับสมาชิกกลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย  ได้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ / ส่งคืนเงินต้น-ดอกเบี้ยระยะยาว / ในระยะ 3-6 เดือนแรก หลังจากได้รับเงินกู้มาแล้ว ให้ปลอดส่งเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อจะได้นำเงินที่ขอกู้ยืมมาซ่อมแซม บำรุง ปรับปรุง รักษาสภาพรถทัวร์ฯ ให้ดีพร้อมใช้บริการรับจ้างงานทัวร์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนใช้จ่ายอีกด้วย


2. ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยา และช่วยปรึกษาหารือ หรือเจรจาหาทางออกให้กับสมาชิกกลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทยที่ค้างและยังไม่ได้ผ่อนชำระเงินค่างวดรถทัวร์ฯ มาแล้ว 2-3 งวด กับบริษัทจัดเงินไฟแนนซ์รถทัวร์ของสมาชิกกลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทยให้ด้วย


3. ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยา โดยการลดหย่อนผ่อนผันเงินค่าต่อภาษีฯ พรบ. ประกันภัยต่างๆ และจีพีเอส ในระหว่างช่วงเดือนมีนาคม 2563 ไปจนถึงหมดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าสู่สภาวะปกติ หรือแล้วแต่จะเห็นสมควรต่อเหตุการณ์นั้นๆ ซึ่งสมาชิกกลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย  ไม่ได้วิ่งรถทัวร์ ไม่มีงานทำ ไม่มีใครมาจ้างเหมาเช่ารถทัวร์ไปท่องเที่ยว รถทัวร์ท่องเที่ยวฯ จอดสนิทมาแล้วเกือบ 3 เดือนเต็มๆ และคงจอดอีกต่อไปไม่น้อยกว่า 3 เดือน กว่าที่รถทัวร์ท่องเที่ยวฯ จะพอมีงานวิ่งรับจ้างได้บ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นเพราะว่าเศรษฐกิจจะยังคงไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่ ประชาชนส่วนมากก็ยังไม่มีเงินไปกินไปเที่ยวกัน ทุกคนก็คงต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่าย ซื้อของเท่าที่จำเป็นไว้ใช้ในครอบครัวก่อน นี่คือเหตุและผล ในช่วงระยะแรกๆ นั้น รถทัวร์ท่องเที่ยวฯ จะคงยังไม่มีรายได้


4. ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยา โดยสั่งยกเลิกเพิกถอนใบสั่งต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และกล้องจับฯ เช่น ใบสั่งจับรถวิ่งความเร็วเกินบ้าง จับรถควันดำเกินบ้าง จับรถวิ่งขวา และใบสั่งจับกรณีอื่นๆ ที่ไม่ใช่เหตุร้ายแรง เป็นเพียงเหตุลหุโทษ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระและบรรเทาทุกข์ให้กับเจ้าของรถทัวร์ฯ ในช่วงระยะนี้ที่ไม่มีงาน ไม่มีเงิน และไม่มีรายได้ด้วย


และสุดท้ายนี้ ทางกลุ่มผู้ประกอบการรถทัวร์ท่องเที่ยวทั่วไทย (รถบัสรับจ้างไม่ประจำทาง) ก็หวังว่าคงได้รับความกรุณา เมตตา ในการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาจาก ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่กำกับดูแล


วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กองสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณะสุข รับมอบอินฟราเรด เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้จากเคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี เพื่อส่งต่อให้บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ หมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ

กองสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณะสุข รับมอบอินฟราเรด เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้จากเคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี

เพื่อส่งต่อให้บุคลากรทางการแพทย์ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำ

หมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ



คุณเสาวภา จงกิตติพงศ์ ผู้อำนวยการกองสุขภาพระหว่างประเทศ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข ในฐานะตัวแทนศูนย์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ อินฟราเรด เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 จำนวน 40 เครื่อง จากคุณภัคพร พิรชัช ผู้แทนคุณกฤติยาณี พรมแพง ผู้บริหาร เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี, มิสเตอร์ เอเดรน บล้อค คาโดน่า ไนท์ ออฟ มาลต้า และคุณ สุรศักดิ์  สาโท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์สไตล์ แอสเซต จำกัด เพื่อส่งต่อให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ ณ ที่ทำการกองสุขภาพระหว่างประเทศ ชั้น 5 อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข


คุณเสาวภา จงกิตติพงศ์ ผู้อำนวยการกองสุขภาพระหว่างประเทศ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ภัคพร พิรชัช ผู้แทนคุณกฤติยาณี พรมแพง ผู้บริหาร เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด มิสเตอร์ เอเดรน บล้อค คาโดน่า ไนท์ ออฟ มาลต้า และคุณ สุรศักดิ์  สาโท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์สไตล์ แอสเซตจำกัด ที่ได้นำอุปกรณ์ทางการแพทย์ อินฟราเรด เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนางาน ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 ขึ้น



เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรับบริจาคในเรื่องของอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของที่จะเป็นประโยชน์ในการที่จะส่งถึงมือให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นำไปปฏิบัติงานในเรื่องของการคัดกรอง การดูแลชาวไทย ผู้ป่วยที่อยู่ตามบ้าน ซึ่งของที่นำมาบริจาคในวันนี้นับว่าเป็นสิ่งของที่ทางเราต้องการ แล้วก็จะเป็นประโยชน์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการนำไปใช้ในการคัดกรองผู้ป่วย การดูแลผู้ป่วยที่อยู่ตามบ้าน การนอนติดเตียง หรือการเยี่ยมบ้าน การรับบริจาคในครั้งนี้เราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนทางสังคม Social Movement ในน้ำใจของคนไทย โดยเฉพาะทางภาคเอกชนที่กรุณานำสิ่งของมาบริจาค ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข โดยศูนย์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 ก็จะนำส่งสิ่งของเหล่านี้ไปถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ที่เรากำหนด อย่างเช่นในจังหวัดที่มีการติดเชื้อ หรือในจังหวัดที่ยังต้องใช้สิ่งของเหล่านี้


ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุขก็ต้องขอขอบคุณ เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด ไนท์ ออฟ มาลต้า และ บริษัท ไลฟ์สไตล์ แอสเซต จำกัด เป็นอย่างสูงอีกครั้ง ในการมีน้ำใจให้กับทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพในการที่ส่งต่อสิ่งดีๆ อย่างนี้กับสังคมไทยและระบบสุขภาพของเรา ให้เราปลอดภัยในเรื่องของไวรัสโควิด-19 และเราจะผ่านเหตุการณ์ช่วงนี้ไปด้วยกัน และสุดท้ายนี้ทางศูนย์ปันน้ำใจสู้ภัยโควิด-19 ยังต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย, อินฟราเรด เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้, ชุด Rapid tester , เจลแอลกอฮอล์ ,ชุด Isolation Protective, ถุงมือ และเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นในการดูแลและป้องกันตัวเองของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนจากไวรัสโควิด-19  รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภค  ภาคเอกชน หรือประชาชนท่านใด ต้องการบริจาคก็สามารถติดต่อมาได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณะสุข

ด้านคุณกฤติยาณี พรมแพง ผู้บริหาร เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี กล่าวว่า คพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี เป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยยี่ห้อ My medical care+ , อินฟราเรด เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ ยี่ห้อ Care+ , ชุด Rapid tester , เจลแอลกอฮอล์ ,ชุด Isolation Protective รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ที่จำเป็นในการดูแลและป้องกันตัวเองของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป ธุรกิจค้าส่งอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับ Covid-19  ส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรปและอเมริกา อีกทั้งเรายังได้นำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ มาจัดจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ตัวเอง และแบรนด์อื่นๆ ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดยการสั่งนำเข้ามานี้ ทางบริษัทได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎข้อบังคับจากกระทรวงสาธารณสุขและจากรัฐบาลไทย ดังนั้นทาง เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด และ ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี จะยังคงเดินหน้าต่อไปในการแบ่งปัน ในการช่วยเหลือสังคมต่อไป ตามที่คุณปีเตอร์ แมคคาเทียร์ ผู้บริหาร ซัสเตนเลินนิ่ง แอลแอลซี อีกท่าน ที่อยู่เบื้องหลังหลัก เคพีพี เอ็ม โกลด์บอล จำกัด ตั้งปณิธานไว้ในเรื่องของการแบ่งปัน และการช่วยเหลือสังคม ตามคอนเซ็บบริษัทที่ยึดถือ การทำประโยชน์เพื่อสังคมเป็นหลัก เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จนกว่าจะผ่านพ้นไวรัสโควิด-19 ไปได้

 

 


วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จับมือ กระทรวงสาธารณสุข สร้างมาตรฐานท่องเที่ยวมั่นใจปลอดภัยด้วยสาธารณสุข มอบสัญลักษณ์ “SHA” แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จับมือ กระทรวงสาธารณสุข

สร้างมาตรฐานท่องเที่ยวมั่นใจปลอดภัยด้วยสาธารณสุข

 มอบสัญลักษณ์ “SHA” แก่ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร  อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันแถลงข่าวโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคเอกชนเพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวควบคู่มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานฯ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 2 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร



นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่นับจากปลายเดือนเมษายนจนถึงเดือนพฤษภาคมนี้ ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินมาตรการด้านการควบคุมโรคที่ใช้หลายมาตรการควบคู่กัน และที่สำคัญเกิดจากความร่วมมือของประชาชนทุกคน และทุกภาคส่วนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค อีกทั้งยังเห็นภาพของการช่วยเหลือกันอีกด้วย ซึ่งในขณะนี้         ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้มีการผ่อนปรนมาตรการป้องกันโรคและกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานกลางของแต่ละกิจการและกิจกรรม โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และพิจารณาปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและสามารถเดินทางได้มากขึ้นในการผ่อนปรนระยะถัดไป ให้ประเทศไทยผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่จะร่วมมือและสนับสนุนการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่จะกลับมาเป็นประเทศผู้นำด้านการท่องเที่ยวของโลกอีกครั้ง     

 

นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากวิกฤติดังกล่าว อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมแรกที่ได้รับผลกระทบและอาจจะเป็นอุตสาหกรรมสุดท้ายที่ฟื้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้มอบหมายให้  การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับนโยบายให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีภายใต้พันธกิจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  โดยนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ คือ การยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย ตามแนวคิด ซ่อม-สร้าง เพื่อกระตุ้นให้สถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมในการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีปกติใหม่ (New Normal) ที่ไม่เพียงแต่การนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา ยังมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 และการสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศไทยอย่างมีความสุข และมีประสบการณ์ที่ดี และทำให้การท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งเสาหลักทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป

แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร  อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย ยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา   ในการสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยให้การเปิดบริการกิจการต่างๆ โดยการกำหนดแนวทางการป้องกันโรค เชื่อว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะช่วยทำให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็ว และสิ่งสำคัญทุกคนต้องมีการปรับตัวและพัฒนายกระดับด้านสุขอนามัยและสุขาภิบาล (Hygiene and Sanitation) ให้ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐานที่จำเป็นต่อการป้องกันโรคติดต่อต่างๆ อีกทั้งต้องอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ได้ร่วมกันจัดทำมาตรฐาน SHA เรียบร้อยแล้ว และกรมอนามัยยังมีคู่มือและแนวทางการดำเนินงานที่พร้อมสนับสนุนสถานประกอบการในภาคการท่องเที่ยวและการกีฬา นอกจากนี้ ยังมีทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทั้งระดับเขตจังหวัด อำเภอ ที่มีความรู้และสามารถให้คำแนะนำด้านการป้องกันโรค สุขลักษณะ สุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งยังมีคณะกรรมการร่วม 2 กระทรวง ที่ขับเคลื่อนร่วมกันที่จะจัดทำแผนการงานอย่างต่อเนื่อง


ถึงแม้ขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยจะดีขึ้น แต่ประชาชนทุกคนยังต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้านหรือเดินทางท่องเที่ยว ล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร  ส่วนผู้ประกอบการก็ต้องให้ความสำคัญเรื่องการทำความสะอาดอาคาร สถานที่ บริเวณโดยรอบและบริเวณที่อาจมีการปนเปื้อนหรือมีการสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จึงจะมั่นใจได้ว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ ในภาคการท่องเที่ยว เอื้อต่อการมีสุขภาพดี จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างดี


นายยุทธศักดิ์  สุภสร ผู้ว่าการการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  กล่าวในรายละเอียดว่า โครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA คือ ความตั้งใจของ ททท. ที่จะสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้มาใช้บริการหลังจากสถานการณ์โควิด-19 อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง ด้วยการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการบริการและด้านสุขอนามัยให้เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข โดยกิจการที่สามารถขอรับมาตรฐาน SHA  แบ่งเป็น 10 ประเภทกิจการ ดังนี้         

   1. ประเภทภัตตาคาร/ร้านอาหาร 2. ประเภทโรงแรม/ที่พักและสถานที่จัดประชุม 3. ประเภทนันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว 4. ประเภทยานพาหนะ 5. ประเภทบริษัทนำเที่ยว 6. ประเภทสุขภาพและความงาม 7. ประเภทห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า 8. ประเภทกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว 9.ประเภทการจัดกิจกรรม การจัดประชุม (MICE) โรงละคร โรงมหรสพ และ 10. ประเภทร้านค้าของที่ระลึกและร้านค้าอื่นๆ โดยได้มีมาตรฐานเบื้องต้นจากกรมควบคุมโรคของทุกสถานประกอบการ มี 3 องค์ประกอบ  คือ 1. สุขลักษณะอาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ในอาคาร 2. การจัดอุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และ 3. การป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ มีรายละเอียดของมาตรฐานเฉพาะประเภทกิจการเพิ่มเติม โดยผู้ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจะได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ต่อไป


การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเป็นผู้ควบคุมการออกตราสัญลักษณ์โดยการระบุหมายเลขของตราสัญลักษณ์ SHA ให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อบันทึกเป็นฐานข้อมูลรายชื่อ ซึ่งมีอายุ 2 ปี และหากพบว่าผู้ประกอบการไม่สามารถรักษามาตรฐาน SHA ได้ ในเบื้องต้นจะแจ้งให้ผู้ประกอบการพัฒนาและปรับปรุง หากยังไม่สามารถรักษามาตรฐานได้ก็จำเป็นต้องเพิกถอนตราสัญลักษณ์และตัดรายชื่อออกจากฐานข้อมูล SHA


สำหรับสถานประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด โดยสามารถศึกษาแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA ซึ่งดาวน์โหลดเป็น e-Book ได้ที่ https://thailandsha.tourismthailand.org/ebook จากนั้นปรับปรุงสถานประกอบการให้เป็นไปตามมาตรฐาน SHA และสมัครขอรับการตรวจและรับตราสัญลักษณ์ SHA ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsha หลังจากนั้น พันธมิตรของโครงการ เช่น สภา สมาพันธ์ หรือสมาคมต่างๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ผู้ประกอบการนั้นๆ เป็นสมาชิก จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ (Checklist) และให้การรับรองว่าผู้ประกอบการได้ดำเนินการตามมาตรฐาน SHA หรือหากไม่เป็นสมาชิกของสมาคมท่องเที่ยวใด ททท. จะประสานผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ ทั้งนี้ ททท. จะเป็นผู้รวบรวมขั้นตอนสุดท้ายก่อนมอบตราสัญลักษณ์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 สัปดาห์

 

นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ช่วยตรวจสอบสถานประกอบการหรือกิจการที่ได้รับสัญลักษณ์ SHA อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นเสียงสะท้อน (Voice of Customers : VOC) จากการใช้บริการ นอกจากนี้   มีคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐาน SHA ประกอบด้วยกรมอนามัย สาธารณสุขจังหวัด กรมการท่องเที่ยว การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) (อพท.) สุ่มตรวจประเมินเป็นระยะอีกด้วย


สำหรับผู้ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA  ททท. จะประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ททท. ได้เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการตรวจสอบตามมาตรฐาน SHA ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นมาในขณะนี้มีผู้สนใจทยอยลงทะเบียนจำนวนมาก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ทาง thailandsha@gmail.com หรือ Line Official : @thailandsha  และ 1672 เพื่อนร่วมทาง

 


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส  ในโครงการส่งเสริ...