วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564

สทท.เตรียมความพร้อมเปิดประเทศใน 120 วัน มั่นใจสร้างสมดุลความปลอดภัยและการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้

สทท.เตรียมความพร้อมเปิดประเทศใน 120 วัน

มั่นใจสร้างสมดุลความปลอดภัยและการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้

            สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 2/2564

  สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาส 2/2564 โชว์ความพร้อมเปิดประเทศ 120 วัน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยมี นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) รศ.ผกากรอง เมพรักษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย นายวิชิต ประกอบโกศล รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) ร่วมแถลงข่าวด้วย ณ ห้องกินรี ชั้น 10 อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพ ฯ


การแถลงข่าวในวันนี้ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้กล่าวถึงเป้าหมายและความพร้อมของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เพื่อการเปิดประเทศอย่างปลอดภัยว่า ภาคการท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมเพื่อตอบรับแผนการเปิดประเทศภายใน 120 วันของรัฐบาลโดย ได้แบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 4 ส่วน คือ ด้านการป้องกัน ด้านการเยียวยา ด้านการพัฒนา และด้านการฟื้นฟู โดยทีมป้องกัน ได้เร่งสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ได้ผลตามเป้าหมาย และยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัย SHA Plus โดยเริ่มจาก Phuket Sandbox เป็นที่แรก และเดินหน้าพื้นที่นำร่องอื่นๆ เช่น สมุย กระบี่ พังงา เป็นต้น นอกจากนี้ทีมด้านการเยียวยา พัฒนา และฟื้นฟูก็ได้ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งด้าน Supply คือ ผู้ประกอบในพื้นที่ และด้าน Demand คือ กลุ่ม Agent ทั้งในและต่างประเทศ และได้บูรณาการกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการสร้างความพร้อม เพิ่มความเชื่อมั่นและทำแผนการตลาดเชิงรุกให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ส่วน รศ.ผกากรอง เทพรักษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กล่าวสรุปถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 2/2564 ว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุด  และต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมาในระดับมาก ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2563  ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ไตรมาสที่ 3/2564 เท่ากับ 33 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการคาดว่าผลประกอบการในไตรมาสหน้าจะดีขึ้นกว่าไตรมาสนี้เล็กน้อย แต่สถานการณ์ท่องเที่ยวยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุด คาดการว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาส 3/2564  ภาคเหนือและภาคใต้มีสถานการณ์ท่องเที่ยวที่แย่กว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ที่ยืดเยื้อ และยังไม่สามารถควบคุมได้

ที่สำคัญคือร้อยละ 75 ของสถานประกอบการท่องเที่ยวมีรายได้ไม่เกินร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับตอนที่สถานการณ์ปกติ และร้อยละ 82 ของโรงแรมทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพักไม่เกินร้อยละ 10 นอกจากนี้พบว่าร้อยละ 74 ของสถานประกอบการที่ยังเปิดบริการในไตรมาสนี้ มีทุนสำรองให้ใช้ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน สะท้อนให้ในเห็นว่า หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น คาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า จะมีสถานประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเหลือรอดอยู่เพียงประมาณร้อยละ 13 ของทั้งประเทศเท่านั้นหากไม่ได้รับการเยียวยาหรือไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือ Soft Loan ได้ ซึ่งเมื่อมีการสอบถามว่าต้องการ Soft Loan ในวงเงินเท่าใด ร้อยละ 73 ของผู้ประกอบการระบุว่าต้องการกู้เงินเพื่อใช้ในการหมุนเวียนธุรกิจในวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท


ด้าน นายวิชิต ประกอบโกศล รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ดูแลตลาด Inbound ได้เสริมว่า การประมาณการณ์นักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้นั้นทำได้ยากมาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง โดย 2 ปัจจัยหลัก คือแผนการฉีดวัคซีนและแผนการเปิดประเทศของทั้งไทยและต่างประเทศ โดยประเมินว่า หากประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนได้เกิน 70% และสามารถเปิด 10 จังหวัดนำร่องรวมถึงกรุงเทพมหานครได้ภายใน 120 วัน และประเทศเป้าหมายรวมทั้งจีนเปิดการเดินทางเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องกักตัว  เราจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 3 ล้านคน และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 212,000 ล้านบาท แต่หากเราเปิดได้เพียง 9 จังหวัด และจีนยังไม่เปิดประเทศ อาจจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเหลือเพียง 1 ล้านคน คิดเป็นรายได้ประมาณ 83,000 ล้านบาท

            และ นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของการท่องเที่ยวภายในประเทศว่า สทท. กำลังเร่งฟื้นฟูตลาดท่องเที่ยวไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศเช่นกัน โดยโครงการทัวร์เที่ยวไทย เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และโครงการที่จะนำเสนอเพิ่มเติมคือ โครงการวัคซีนยกก๊วน เที่ยวไทยคึกคัก จะสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งหลังในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ซึ่งภาคการท่องเที่ยวกำลังรอดูสถานการณ์ด้านสุขอนามัยอย่างใกล้ชิด และได้เตรียมแผนปฏิบัติการ หรือ SOP ที่เหมาะสมและสมดุลที่สุดเพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมั่นใจได้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นอยู่บนมาตรฐานของความปลอดภัยและยังสามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนได้ เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาเป็นกลไกที่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างสมบูรณ์

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564

รองผู้ว่าฯกทม. ตรวจเยี่ยมโครงการแจกหนังสือเรียนผ่านระบบ Drive Thru ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของ COVID-19

รองผู้ว่าฯกทม. ตรวจเยี่ยมโครงการแจกหนังสือเรียนผ่านระบบ Drive Thru ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของ COVID-19

          นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานตรวจเยี่ยม โครงการแจกหนังสือเรียนผ่านระบบ Drive Thru ลดความเสี่ยงจากการสัมผัส และป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยมีผู้บริหาร นายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลัดกทมฯ. นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา,นางสาวศิริพร รัตนคันทรง ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตบางกะปิ,นางสาวสุชีรา เล่นวารี หัวหน้าฝ่ายการศึกษา,นายนิทัศน์ รักไทย ผู้อำนวยการศึกษา พร้อมด้วยคณะครูบุคลากรเจ้าหน้าที่โรงเรียนบ้านบางกะปิ ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ณ โรงเรียนบ้านบางกะปิ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

         โรงเรียนบ้านบางกะปิ  เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 3,100 คนข้าราชการครูและบุคลากร 171 คนได้จัดการเรียนการสอนระบบออนไลน์ (online) ภายใต้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตามนโยบายของกรุงเทพมหานครและตามแนวทางของสำนักการศึกษา






 นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการแจกหนังสือเรียนผ่านระบบ Drive Thru ลดความเสี่ยงจากการสัมผัส และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโครงการที่ดีลดการสัมผัส และประหยัดเวลาของผู้ปกครองในการเข้ามารับหนังสือ ซึ่งทางโรงเรียนได้มีการแจ้งผู้ปกครองผ่านระบบไลน์ และวันเวลาที่เข้ามารับหนังสือเพื่อลดความแออัด และอำนวยความสะดวก ให้ผู้ปกครอง สำหรับการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ครูและบุคลากรได้พัฒนาความรู้ การเรียนการสอน และทักษะการใช้เครื่องมือดิจิทัล เพื่อประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่

         ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ โรงเรียนบ้านบางกะปิ เขตบางกะปิ กทม. คำนึงถึงความสำคัญของความปลอดภัยของคณะครู บุคลากร และผู้ปกครองทุกคน จึงได้กำหนดรูปแบบการรับสมุดและหนังสือเรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ในระดับประถมศึกษา ผ่านการบริการแบบระบบ “ไดร์ฟ ทรู” (Drive Thru) ปลอดภัย ไม่ต้องลงจากรถ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ปกครอง ลดความเสี่ยงจากการสัมผัส และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 ระหว่างวันที่ 21- 27 มิถุนายน 2564 ณ โรงเรียนบ้านบางกะปิ เขตบางกะปิ กทม. แผนกประถมศึกษา



“พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้” แถลงมีผู้แอบอ้างรับไม้พะยูงคืนจาก ปทส.

“พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้”  แถลงมีผู้แอบอ้างรับไม้พะยูงคืนจาก ปทส.

       บริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด (Phogsavahn Wood Industry) หรือ โรงเลื่อยพงสะหวัน  ตั้งอยู่ถนนเลขที่ 9 บ้านหัวเมืองเหนือ นครกรสรพรหมวิหาร จังหวัดสะหวันนะเขต สาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว ปัจจุบันมีนายคำผาย จันทร์สีสมุด เป็นประธานกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด และมีนายอ๊อด พงสะหวัน ประธานกิตติมศักดิ์ ในเครือบริษัท พงสะหวัน จำกัด และในสมัยที่นายอ๊อด พงสะหวัน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ได้แต่งตั้งมอบอำนาจให้นายสอนแก้ว สิดทิไช เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย มีอำนาจลงลายมือชื่อแทน และประทับตราบริษัทแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน ตลอดจนมีอำนาจกระทำการในกรณีไม้พะยูงจำนวน 11 ตู้คอนเทนเนอร์ ของบริษัทฯ และต่อมานายสอนแก้ว สิดทิไช กรรมการผู้มีอำนาจได้แต่งตั้งมอบอำนาจให้นางสาวสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ เป็นผู้มีอำนาจ มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ในการกระทำแทนบริษัทฯ ภายในขอบเขตอำนาจ

       จากกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้คืนไม้พะยูง 11 ตู้คอนเทนเนอร์ มีไม้ทั้งหมดจำนวน 1,664 ท่อน มูลค่าประมาณ 160 ล้านบาท ให้แก่บริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด เจ้าของ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 85 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 แต่เนื่องจากยังมีคดีความที่เกี่ยวพันถึงเรื่องการปลอมแปลงเอกสารของบริษัทชิ้ปปิ้งอยู่ ทางหน่วยราชการจึงยังไม่สามารถคืนไม้พะยูงทั้งหมดให้แก่บริษัทฯ ได้ จนในปี พ.ศ. 2563 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยยกฟ้องผู้ต้องหา คดีความทุกอย่างจึงถือเป็นอันสิ้นสุด

       ซึ่งต่อมากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ได้มีคำสั่งคืนไม้พะยูงทั้งหมดให้แก่บริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด แต่มีนาย ค.ส.ว. (นามสมมติ) เข้าแสดงตัวแอบอ้างว่าเป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด ในการรับคืนไม้พะยูง ซึ่งการมอบอำนาจดังกล่าวไม่เป็นความจริง

          วันนี้ (22 มิถุนายน 2564) นางสาวสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ ซึ่งได้เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด จึงได้มีจัดแถลงข่าว “ มหากาพย์ไม้ 11 ตู้คอนเทนเนอร์กับระยะเวลา 15 ปี ” โดยมีนายสอนแก้ว สิดทิไช กรรมการผู้มีอำนาจ วีดีโอ คอล ร่วมแถลงข่าวด้วย ณ โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ 

       โดย นางสาวสาวิตรี นันท์ภิวัฒน์ ซึ่งได้เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท พงสะหวัน อุตสาหกรรมป่าไม้ จำกัด กล่าวว่า จากการที่บริษัทฯ ได้เห็นข้อมูลจากสำนักข่าวต่างๆ ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ว่านาย ค.ส.ว. (นามสมมติ) ไปแอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ไปเคลื่อนไหวในราชอาณาจักรโดยที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อทางบริษัทฯ 

ทางบริษัทฯ จึงขอชี้แจงว่า ทางกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ยืนยันว่า 

1. ไม่เคยมอบสิทธิ์หรือแต่งตั้ง นาย ค.ส.ว. (นามสมมติ) ไปเคลื่อนไหวทำงานใด หรือให้ดำเนินการหรือทำเรื่องรับไม้พะยูงคืนแต่อย่างใดแทนกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด 

2. ทางกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ขอปฎิเสธไม่รับรู้ ไม่รู้เห็น  และไม่ยินยอมต่อการเคลื่อนไหวผ่านมาทั้งหมดของนาย ค.ส.ว. (นามสมมติ) ในราชอาณาจักรไทย

3.การกระทำของนาย ค.ส.ว. (นามสมมติ) ทางกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด มีความเป็นห่วงและไม่สบายใจป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการกระทำอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นๆ ที่อาจหลงเชื่อว่าเป็นผู้แทนของกลุ่มบริษัท พงสะหวัน จำกัด ...

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม มอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์

ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคมมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ 

     ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม นำโดยนายศุภชัย ชุติชาติ หัวหน้าหน่วยยานยนต์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งเป็นคณะกรรมการชมรม ได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ ของโรงเรียนมัธยมบางปะกอกวิทยาคม จำนวน 12ทุน พร้อมทั้งมอบของใส่ตู้ปันสุขให้กับทางโรงเรียนบางปะกอกซ.สุขสวัสดิ์ ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ โดยมีคณะกรร มการชมรมฯ และคณะอาจารย์ร่วมในพิธีดังกล่าว.เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564

การอบรมรรภ์คุณภาพ ดูแลเจ้าตัวน้อยให้ออกมาแข็งแรง

การอบรมครรภ์คุณภาพ

ดูแลเจ้าตัวน้อยให้ออกมาแข็งแรง 

สำหรับคุณแม่ทุกท่านการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในการดูแลครรภ์ รวมถึงการพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง เพื่อติดตามสุขภาพของคุณแม่และเจ้าตัวเล็ก การอบรมครรภ์คุณภาพจึงมีความสำคัญกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะจะช่วยเตรียมความพร้อมตลอดการตั้งครรภ์อย่างถูกต้อง ช่วยให้ลูกน้อยลืมตาดูโลกอย่างราบรื่น

พญ.คัคณางค์ มิ่งมิตรพัฒนะกุล สูติ - นรีแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า คุณแม่ที่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์ การฝากครรภ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยวางแผนให้คุณแม่ดูแลรักษาสุขภาพของทั้งตนเองและทารกในครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์จนถึงคลอด ทำให้เจ้าตัวเล็กมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ลดอัตราการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนของแม่และเด็ก แพทย์สามารถวินิจฉัย ป้องกัน รักษาความผิดปกติได้ทัน  ซึ่งปัญหาที่ตรวจพบระหว่างการตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรกจนถึงก่อนคลอด เช่น ครรภ์แฝด ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ภาวะครรภ์เป็นพิษ และการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจเช็กเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับคุณแม่จะมีการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตรวจธาลัสซีเมีย ตรวจคัดกรองเบาหวาน ตรวจเชื้อสเตรปโตคอคคัส กลุ่ม บี เป็นเชื้อโรคที่สามารถตรวจพบในช่องคลอดและทวาร ฯลฯ เด็กในครรภ์จะเริ่มด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ ตรวจน้ำคร่ำ ตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม โดยจะแปลผลเป็นค่าความเสี่ยง ใช้ระดับฮอร์โมนในเลือดร่วมกับความหนาของ Nuchal Translucency(NT)  ถ้าความเสี่ยงสูงแนะนำพิจารณาการเจาะน้ำคร่ำ ถ้าความเสี่ยงต่ำไม่ได้หมายความว่า “ไม่เป็นแน่นอน” ต้องติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด และรวมถึงการตรวจอื่น ๆ เช่น การเจาะเลือดคุณแม่เพื่อประเมินโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะมีโครโมโซมผิดปกติ NIFTY Test (Non - Invasive Prenatal Genetic Testing)

การปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อคุณแม่และเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในครรภ์ คุณแม่ควรที่จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หลวมใส่สบาย ไม่ใส่รองเท้าส้นสูง ดูแลรักษาฟัน ขูดหินปูน ดูแลหน้าท้อง ทรวงอก ระบบขับถ่าย มีเพศสัมพันธ์ด้วยท่าที่เหมาะสม นอนพักผ่อน 8 - 14 ชั่วโมง ต้องรับประทานอาหารให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ เพิ่มโปรตีน แร่ธาตุ วิตามิน เน้นเนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว ผัก และผลไม้ ทานอาหารที่มีแคลอรี่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 งดอาหารรสจัด สุรา ยาเสพติด งดสูบบุหรี่ ไม่ควรทำงานหนักหรือออกกำลังกายจนเหนื่อย โดยการออกกำลังกายควรเริ่มหลังตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณแม่ควรลดความเครียด ความกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของตัวคุณแม่และสุขภาพที่แข็งแรงของเจ้าตัวเล็กภายในครรภ์


การตัดสินใจว่าจะคลองเองหรือผ่าตัด การคลอดเองจะเป็นธรรมชาติที่สุด ซึ่งจะดีต่อคุณแม่และเจ้าตัวเล็ก ทั้งในการปรับตัวหลังคลอดและระหว่างการคลอด แต่การผ่าตัดจะสงวนไว้สำหรับคุณแม่ที่ผิดปกติ ซึ่งแพทย์จะทำการประเมินช่องทางคลอด ตรวจภายใน และประเมินน้ำหนักเด็ก ถ้าประเมินระหว่างคลอดแล้วคุณแม่แข็งแรง ผลตรวจทุกอย่างเป็นปกติ ย่อมหมายถึงโอกาสราบรื่นสูง ได้แก่ การเปิดของปากมดลูกโดยการตรวจภายใน การหดรัดตัวของมดลูกต้องสม่ำเสมอ เสียงหัวใจเด็กรวมกับการเปิดของปากมดลูก การลดลงส่วนนำ หรือเข้าไปในอุ้งเชิงกราน


            เมื่อคุณแม่ฝากครรภ์และวางแผนคลอดบุตรกับโรงพยาบาลกรุงเทพ ทางโรงพยาบาลจะจัดอบรมครรภ์คุณภาพเพื่อให้ความรู้แก่คุณพ่อคุณแม่ โดยจะจัดอบรม 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกการอบรมคุณแม่ตั้งครรภ์ และครั้งที่ 2 การอบรมเตรียมดูแลบุตร เพื่อเตรียมความพร้อมคุณพ่อคุณแม่ก่อนคลอดให้คลอดบุตรได้อย่างสบายใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์สุขภาพสตรี รพ.กรุงเทพ โทร.1719  หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital


แพ็กเกจ Invisalign อินวิซาไลน์ จัดฟันใส เพื่อฟันสวย ที่ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ ตั้งแต่วันนี้ – 1 ธันวาคม 2564

แพ็กเกจ Invisalign อินวิซาไลน์ จัดฟันใส เพื่อฟันสวย

ที่ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ

ตั้งแต่วันนี้ – 1 ธันวาคม 2564

ศูนย์ทันตกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ ขอสร้างรอยยิ้มของคุณให้กลับมาสดใสอีกครั้ง เพราะความสุขจากรอยยิ้มเริ่มต้นจากสุขภาพฟันที่แข็งแรง ด้วย แพ็กเกจ Invisalign อินวิซาไลน์ จัดฟันใส เพื่อฟันสวยไม่ระคายเคืองช่องปาก เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มกับการจัดฟันแบบใส Invisalign system ด้วยเทคโนโลยี SmartForce ที่ออกแบบเฉพาะบุคคลให้คุณมีฟันเรียงสวยและดูดีขึ้นอย่างธรรมชาติ และดูแลง่ายใส่สบาย ทั้งนี้สามารถเริ่มจัดฟันได้ตั้งแต่ 6-19  ปี  ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการจัดฟันตอนโต เพราะเด็กและวัยรุ่น เป็นช่วงที่กำลังเจริญเติบโต สามารถขยับจัดฟันได้มากกว่า ปรับโครงหน้าได้ลงตัวกว่า และลดปัญหาการถอนฟันโดยไม่จำเป็นแพ็กเกจ Invisalign ราคาเริ่มต้นที่ 140,000 บาท พร้อมรับส่วนลด 10,000 บาท เมื่อซื้อแพ็กเกจนี้ตั้งแต่วันนี้ - 30มิถุนายน 2564   ที่ ศูนย์ทันตกรรม รพ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่  สามารถรับบริการจัดฟันใสได้ตั้งแต่ วันนี้ – 1 ธันวาคม 2564

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ ศูนย์ทันตกรรม รพ.กรุงเทพ  ครบทุกฟังก์ชั่น การดูแลฟันทุกมิติ  โทร. 0 2755 1335 Dental Line : https://lin.ee/8i32MCN   หรือ https://www.bangkokhospital.com

ชาวบ้านชุมชนวัดจันทร์ในกว่า 300 รายชื่อยื่นหนังสือต่อ เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และเจ้าคณะเขตบางคอแหลม คัดค้านตั้งพระมหาวีรวงศ์ วีรว์โส เป็นเจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน

ชาวบ้านชุมชนวัดจันทร์ในกว่า 300 รายชื่อยื่น

หนังสือต่อเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และเจ้าคณะเขตบางคอแหลม คัดค้านตั้งพระมหาวีรวงศ์ วีรว์โส เป็นเจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน


จากกรณีที่มีการเสนอชื่อต่อพระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงให้แต่งตั้ง พระมหาวีรวงศ์ วีรว์โส เจ้าคณะแขวงบางคอแหลม เขต 1 เป็นเจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา


มาวันนี้ 19 มิถุนายน 2564 ชาวบ้านวัดจันทร์ในกว่า 300 คนได้ร่วมกันลงชื่อคัดค้านการแต่งตั้งพระมหาวีรวงศ์ วีรว์โส เป็นเจ้าอาวาสวัดจันทร์ในและร้องเรียนพฤติกรรม โดยได้ทำหนังสือยื่นต่อพระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) รักษาการแทนเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ณ วัดหัวลำโพง ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดตามไปตรวจสอบ พบว่า พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) รักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง กำลังประชุมกับคณะสงฆ์อยู่ ก่อนที่จะอนุญาตให้ตัวแทนชาวบ้านเข้าไปพบและยื่นหนังสือกับ พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) รักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 

ภายหลังจากที่ได้รับหนังสือคัดค้านจากชาวบ้านวัดจันทร์ใน พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) รักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ก็ได้บอกกล่าวกับทาง ชาวบ้านวัดจันทร์ในที่ได้มายื่นหนังสือคัดค้าน ถึงขั้นตอนในการพิจารณาแต่งตั้งว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งแต่อย่างใด และอยู่ในช่วงระหว่างชุมนุมสงฆ์เพื่อพิจารณาจากคณะมหาเถระสมาคม และคณะสงฆ์ตามลำดับ ถึงคุณสมบัติและความเหมาะสม ของพระมหาวีรวงศ์ วีรว์โส ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน ทั้งนี้ในการรับหนังสือในวันนี้ทาง พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง จะได้นำเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเป็นข้อมูลในการหารือต่อคณะกรรมการเถระสมาคมพิจารณาถึงการแต่งตั้งพระรูปหนึ่งรูปใดที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมและไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นเจ้าอาวาสวัดจันทร์ในต่อไป

หลังจากตัวแทนชาวบ้านวัดจันทร์ใน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร  ได้เข้าพบแล้วยื่นหนังสือต่อ พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) รักษาการเจ้าคณะกรุงเทพมหานครแล้ว ก็เดินทางไปยื่นหนังสือกับพระครูศรีวรานุกิจ เจ้าคณะเขตบางคอแหลม เจ้าอาวาสวัดราชสิงขร  โดยมีขบวนรถตุ๊กตุ๊กและชาวบ้านมาสมทบอีกจำนวนมาก


            อีกทั้งชาวบ้านวัดจันทร์ในยังได้เข้ายื่นหนังสือต่อพระครูสมุห์วิจิตร อมโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดจันทร์ใน เพื่อเรียกร้องให้ทำการตรวจสอบกรณีที่พระในวัด 2 รูปอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเกี่ยวกับเงินฌาปนกิจ(งานศพ) และยังไม่ได้นำเงินมาคืนหรือรับการลงโทษใดๆจากทางคณะสงฆ์ ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับการแต่งตั้งพระมหาวีรวงศ์เป็นเจ้าอาวาสวัดในครั้งนี้

 

 

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564

คู่มือ ‘มิชลินไกด์” ฉบับที่ 5 ของไทยเลือก ‘อยุธยา’ เป็นหมุดหมายใหม่ในการคัดสรรร้านอาหารติดดาว

คู่มือ ‘มิชลินไกด์” ฉบับที่ 5 ของไทยเลือก ‘อยุธยา’ เป็นหมุดหมายใหม่ในการคัดสรรร้านอาหารติดดาว เผยอัตลักษณ์โดดเด่นด้านอาหารและวัฒนธรรมประกอบกับมนต์เสน่ห์ที่หลอมรวมความเก่าและใหม่ไว้อย่างลงตัวเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักชิมและนักท่องเที่ยว


                 คู่ มื อ ‘มิชลินไกด์’ ฉบับปี 2565 ซึ่งเป็นฉบับที่ 5 ของไทย รุกขยายขอบเขตการคัดสรรแนะนำร้านอาหารเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือ ‘อยุธยา’...เมืองแห่งประวัติศาสตร์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย ซึ่งได้รับยกย่องให้เป็น “เมืองมรดกโลก” โดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี 2534 


                 ทั้งนี้ อยุธยาถือเป็นเมืองลำดับ 5 ที่คู่มือ ‘มิชลินไกด์’ ประเทศไทย ฉบับล่าสุด เลือกเข้าไปดำเนินการสำรวจคัดเลือกและจัดอันดับร้านอาหาร โดยคู่มือฉบับดังกล่าวซึ่งมีกำหนดตีพิมพ์เผยแพร่ปลายปีนี้ในชื่อ ‘มิชลินไกด์กรุงเทพมหานครพระนครศรีอยธุยา  เชียงใหม่  ภูเก็ต  และพังงา 2565’ (The MICHELIN Guide Bangkok, Phra Nakhon Si Ayutthaya, Chiang Mai, Phuket & Phang-Nga 2022)ะชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่นและมีลักษณะเฉพาะตัวของอยุธยาในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารสำหรับคนทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์ที่เกิดจากการหลอมรวมกลิ่นอายแห่งอดีตเข้ากับความทันสมัยของโลกยุคใหม่อย่างลงตัว หรือการมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบสำหรับรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม


                 เกว็นดัล ปูลเล็นเนค ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก เปิดเผยว่า อยุธยาเป็นหนึ่งในเพชรเม็ดงามด้านวัฒนธรรมอาหารไทย  การที่เมืองซึ่งเต็มไปด้วยมนต์ขลังและร่องรอยทางประวัติศาสตร์แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางการทูตและการค้าระดับโลก ทำให้ได้รับอิทธิพลจากหลายชาติ อาทิ โปรตุเกส ญี่ปุ่น อินเดีย เปอร์เซีย ฯลฯ ซึ่งมีบทบาทต่ออาหารไทยในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ที่ตั้งซึ่งล้อมรอบด้วยแม่น้ำ 3 สาย ยังส่งผลให้อยุธยาเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งปลาน้ำจืด กุ้งแม่น้ำ ตลอดจนผักและผลไม้สดมากมาย


                “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวปลายปีนี้ จะได้มีโอกาสแนะนำอยุธยาในฐานะเมืองที่บรรยากาศธุรกิจร้านอาหารมีความโดดเด่นเฉพาะตัวบนพื้นฐานของการผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างน่าประทับใจ โดยมีทั้งร้านอาหารเก่าแก่สุดคลาสสิก , ร้านอาหารใหม่ ๆ ในอาคารเก่าที่ผ่านการดัดแปลงปรับปรุงอย่างเก๋ไก๋หรือในอาคารใหม่ที่ออกแบบให้มีรูปลักษณ์ทันสมัย , ร้านกาแฟและคาเฟ่ที่มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายภาพหลากหลายมุม ไปจนถึงร้านเด็ดในตลาดบกและตลาดน้ำพื้นบ้าน ทางเลือกด้านอาหารที่หลากหลายเหล่านี้ ประกอบกับภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนาน คือเสน่ห์ที่แตกต่างซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศกลับมาเยือนอยุธยาอยู่เสมอ” 


                   ในอดีตเมื่อครั้งที่อยุธยายังเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเวลานั้นเป็นที่รู้จักในนาม “สยาม” ชาวต่างชาติหลากหลายเชื้อชาติได้เข้ามาตั้งรกรากในอยุธยาและมีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการอาหารไทยซึ่งสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้กะทิและเครื่องเทศในแกง [อิทธิพลจากอินเดียและเปอร์เซีย] ต่อยอดพัฒนาเป็นแกงไทยจานเด่น อาทิ แกงมัสมั่น , การใช้ไข่และไข่แดงในการทำขนมไทย [อิทธิพลจากโปรตุเกส] อาทิ ทองหยิบ และทองหยอด

                  ในวันนี้ อยุธยาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย เนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงในปัจจุบัน และยังสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งทางรถไฟและทางเรือ นอกจากนี้ อยุธยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจให้เลือกสัมผัส อาทิ การไหว้พระตามวัดสำคัญ ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล , การเที่ยวชมหมู่บ้านชาวต่างชาติ อาทิ หมู่บ้านญี่ปุ่น หมู่บ้านโปรตุเกส และหมู่บ้านฮอลันดา รวมถึงพิพิธภัณฑ์เฉพาะทาง อาทิ พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น เกริก ยุ้นพันธุ์ และพิพิธภัณฑ์เรือไทย , การนั่งเรือชมทัศนียภาพและวิถีชีวิตริมสองฝั่งแม่น้ำ ฯลฯ

                    นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า “นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแล้ว การได้ลิ้มลองอาหารอร่อยหลากชนิดจากตลาดพื้นบ้าน หรือร้านอาหารในท้องถิ่น ยังเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาเยือนอยุธยา ผมเชื่อว่าชาวไทยและทั่วโลกที่ได้อ่านคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับล่าสุดนี้ จะเกิดแรงบันดาลใจในการเดินทางมาค้นพบเสน่ห์และมนต์ขลังของอยุธยาที่ไม่เคยเสื่อมคลายเหล่านี้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน”

ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ได้ที่ :  guide.michelin.com/th/th หรือติดตามข่าวสารล่าสุดของ  ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ภูเก็ตและพังงา 2565” ได้ทาง เฟสบุ๊ค facebook.com/MichelinGuideThailand

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส  ในโครงการส่งเสริ...