สทท.เตรียมความพร้อมเปิดประเทศใน 120 วัน
มั่นใจสร้างสมดุลความปลอดภัยและการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(สทท.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 2/2564
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาส
2/2564 โชว์ความพร้อมเปิดประเทศ 120 วัน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยมี
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)
รศ.ผกากรอง เมพรักษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย นายวิชิต
ประกอบโกศล รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายสุทธิพงศ์
เผื่อนพิภพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) ร่วมแถลงข่าวด้วย ณ ห้องกินรี ชั้น 10 อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพ ฯ
การแถลงข่าวในวันนี้ นายชำนาญ
ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)
ได้กล่าวถึงเป้าหมายและความพร้อมของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย
เพื่อการเปิดประเทศอย่างปลอดภัยว่า ภาคการท่องเที่ยวได้เตรียมความพร้อมเพื่อตอบรับแผนการเปิดประเทศภายใน
120 วันของรัฐบาลโดย
ได้แบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 4 ส่วน คือ ด้านการป้องกัน
ด้านการเยียวยา ด้านการพัฒนา และด้านการฟื้นฟู โดยทีมป้องกัน
ได้เร่งสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้ได้ผลตามเป้าหมาย และยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัย SHA Plus โดยเริ่มจาก Phuket Sandbox เป็นที่แรก
และเดินหน้าพื้นที่นำร่องอื่นๆ เช่น สมุย กระบี่ พังงา เป็นต้น นอกจากนี้ทีมด้านการเยียวยา
พัฒนา และฟื้นฟูก็ได้ปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งด้าน Supply คือ ผู้ประกอบในพื้นที่ และด้าน Demand คือ กลุ่ม Agent ทั้งในและต่างประเทศ
และได้บูรณาการกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในการสร้างความพร้อม
เพิ่มความเชื่อมั่นและทำแผนการตลาดเชิงรุกให้ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ส่วน รศ.ผกากรอง เทพรักษ์
อาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
กล่าวสรุปถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 2/2564
ว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุด และต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมาในระดับมาก
ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2563
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ไตรมาสที่ 3/2564 เท่ากับ 33
สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการคาดว่าผลประกอบการในไตรมาสหน้าจะดีขึ้นกว่าไตรมาสนี้เล็กน้อย
แต่สถานการณ์ท่องเที่ยวยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมากที่สุด คาดการว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาส
3/2564
ภาคเหนือและภาคใต้มีสถานการณ์ท่องเที่ยวที่แย่กว่าภูมิภาคอื่น
เนื่องจากผู้ประกอบการกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ที่ยืดเยื้อ และยังไม่สามารถควบคุมได้
ที่สำคัญคือร้อยละ 75 ของสถานประกอบการท่องเที่ยวมีรายได้ไม่เกินร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับตอนที่สถานการณ์ปกติ และร้อยละ 82 ของโรงแรมทั่วประเทศมีอัตราการเข้าพักไม่เกินร้อยละ 10 นอกจากนี้พบว่าร้อยละ 74 ของสถานประกอบการที่ยังเปิดบริการในไตรมาสนี้ มีทุนสำรองให้ใช้ได้อีกไม่เกิน 6 เดือน สะท้อนให้ในเห็นว่า หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น คาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า จะมีสถานประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเหลือรอดอยู่เพียงประมาณร้อยละ 13 ของทั้งประเทศเท่านั้นหากไม่ได้รับการเยียวยาหรือไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือ Soft Loan ได้ ซึ่งเมื่อมีการสอบถามว่าต้องการ Soft Loan ในวงเงินเท่าใด ร้อยละ 73 ของผู้ประกอบการระบุว่าต้องการกู้เงินเพื่อใช้ในการหมุนเวียนธุรกิจในวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท
ด้าน นายวิชิต ประกอบโกศล
รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ดูแลตลาด Inbound ได้เสริมว่า
การประมาณการณ์นักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้นั้นทำได้ยากมาก
เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง โดย 2 ปัจจัยหลัก
คือแผนการฉีดวัคซีนและแผนการเปิดประเทศของทั้งไทยและต่างประเทศ โดยประเมินว่า
หากประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนได้เกิน 70% และสามารถเปิด 10
จังหวัดนำร่องรวมถึงกรุงเทพมหานครได้ภายใน 120 วัน และประเทศเป้าหมายรวมทั้งจีนเปิดการเดินทางเข้าประเทศไทยแบบไม่ต้องกักตัว เราจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 3 ล้านคน และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 212,000 ล้านบาท แต่หากเราเปิดได้เพียง 9 จังหวัด และจีนยังไม่เปิดประเทศ
อาจจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเหลือเพียง 1 ล้านคน คิดเป็นรายได้ประมาณ 83,000 ล้านบาท
และ นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ
รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ได้กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของการท่องเที่ยวภายในประเทศว่า สทท.
กำลังเร่งฟื้นฟูตลาดท่องเที่ยวไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศเช่นกัน
โดยโครงการทัวร์เที่ยวไทย เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และโครงการที่จะนำเสนอเพิ่มเติมคือ “โครงการวัคซีนยกก๊วน เที่ยวไทยคึกคัก” จะสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งหลังในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม
ซึ่งภาคการท่องเที่ยวกำลังรอดูสถานการณ์ด้านสุขอนามัยอย่างใกล้ชิด และได้เตรียมแผนปฏิบัติการ
หรือ SOP ที่เหมาะสมและสมดุลที่สุดเพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมั่นใจได้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นอยู่บนมาตรฐานของความปลอดภัยและยังสามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนได้
เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาเป็นกลไกที่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยได้อย่างสมบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น