วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

นายจ้าง แจ้งเข้า – แจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้างล่าช้า ประกันสังคมย้ำ ระวัง! มีโทษเทียบปรับตามกฎหมาย

นายจ้าง แจ้งเข้า – แจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้างล่าช้า

ประกันสังคมย้ำ ระวัง! มีโทษเทียบปรับตามกฎหมาย

          นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีนายจ้างสถานประกอบการหลายแห่ง แจ้งเข้างานและแจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้างล่าช้า ทำให้ข้อมูลในระบบฐานทะเบียนไม่เป็นปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ล่าช้า รวมถึงทำให้สำนักงานประกันสังคมต้องจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลเกินจริง

          สำนักงานประกันสังคม ขอย้ำ หน้าที่นายจ้างตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป หรือ กรณีมีลูกจ้างเข้าทำงานใหม่ นายจ้าง ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) ต่อสำนักงานประกันสังคม ดังนี้

          - นายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นแบบที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 

          - นายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา 

          โดยนายจ้างมีหน้าที่ต้องขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน

          - กรณีที่มีลูกจ้างลาออกจากงาน ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09) พร้อมระบุสาเหตุการออกจากงาน

          - กรณีที่ผู้ประกันตนเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส.6-10) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปสามารถดำเนินการได้ที่ระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม หรือ www.sso.go.th ได้ทันที

           นายบุญสงค์ กล่าวต่อไปว่า ขอให้นายจ้างรีบดำเนินการแจ้งเข้างานและแจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้าง ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ข้อมูลในระบบฐานทะเบียนเป็นปัจจุบัน และลูกจ้างจะได้ไม่พลาดสิทธิความคุ้มครองตามกฎหมายประกันสังคม และหากพบนายจ้างมีเจตนาหลีกเลี่ยง บ่ายเบี่ยง ล่าช้า จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที (โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) จึงขอความร่วมมือให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง     


วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2567

งาน "STYLE Bangkok 2024" นักธุรกิจ 49 ประเทศชมงาน ยอดขายทะลุเป้า สร้างรายได้กว่า 1,756 ล้านบาท

งาน "STYLE Bangkok 2024" 

นักธุรกิจ 49 ประเทศชมงาน

ยอดขายทะลุเป้า สร้างรายได้กว่า 1,756 ล้านบาท


         ประสบสำเร็จอย่างงดงามสำหรับงาน  "STYLE Bangkok 2024" มหกรรมแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นชั้นนำของเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่่ 20-24 มีนาคม 2567 โดยประกาศความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายด้วยมูลค่าการค้าและจำนวนผู้เข้าชมงาน


           โดยมูลค่าการค้าตลอด 5 วัน สามารถสร้างรายได้กว่า 1,756 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 จากมูลค่าการค้าของครั้งก่อน ในส่วนของมูลค่าการค้าวันเจรจาธุรกิจ ทั้งมูลค่าจากยอดสั่งซื้อทันทีและจากที่จะสั่งซื้อภายใน 1 ปี อยู่ที่  กว่า 1,732 ล้านบาท ยอดขายในวันสำหรับประชาชนทั่วไปอยู่ที่  กว่า 24 ล้านบาท ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทย


                        

         นอกจากนี้ จำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมงานตลอด 5 วัน กว่า  25,000ราย จาก 49 ประเทศ/เขตการค้า เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนร้อยละ 4.40 ทำให้ประจักษ์ได้ถึงศักยภาพของงาน STYLE Bangkok ในการเป็นศูนย์รวมการค้าและโอกาสในการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ

        ในงาน "STYLE Bangkok" ปีนี้ หมวดสินค้าที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด ได้แก่ หมวดสินค้าแฟชั่นซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีมาก โดยมูลค่าการค้าของสินค้าในหมวดแฟชั่นเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน ร้อยละ 40.6 ตอกย้ำศักยภาพของไทยในฐานะเวทีการค้านานาชาติที่สำคัญของภูมิภาค


        รวมทั้งยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) จำนวน 2 คู่ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน SMEs และ OTOP ภายใต้โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ตามแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้มีศักยภาพ และส่งเสริมต่อยอดด้านตลาดทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย 1. MOU ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับ กระทรวงมหาดไทย และ 2. MOU ระหว่าง บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ วิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู (ศูนย์การเรียนรู้ออกแบบขวัญตา)


                                                                                                                                        นอกจากนี้ยังมีการเจรจาการค้า ระหว่าง MUJI (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น กับผู้ประกอบการไทย 5 ราย  ประกอบด้วย Prodpran Craft, Boonyarat Thaicrafts, Mallavi Limited Partnership,   Deesawat Industries Co., Ltd และ Divana Global Co., Ltd. ซี่งจะช่วยส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการของไทยในตลาดโลก โดยความร่วมมือนี้เป็นการต่อยอดจากการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา


         สำหรับนักธุรกิจ ผู้เข้าเยี่ยมชมจากต่างประเทศ 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง อินเดีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในระดับโลกของงานนี้และผลกระทบเชิงบวกต่อตลาดในระดับภูมิภาค                                                                                                                                                                                                         นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวชื่นชมความสำเร็จของงานว่า “STYLE Bangkok 2024 แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ โดยสามารถยกระดับมรดกทางวัฒนธรรมสู่มิติใหม่ของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Soft Power ของไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”


                                                                                                                                           งาน "STYLE Bangkok 2024" ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้แสดงสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดโลก SMEs รวมถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ ต่างนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีอัตลักษณ์ของมรดกวัฒนธรรมผสมผสานกับกลิ่นอายความร่วมสมัย

              นายภูสิตกล่าวถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok ว่า “มองไปข้างหน้า เราวางเป้าหมายที่จะทำให้งาน STYLE Bangkok มีส่วนช่วยยกระดับประเทศไทยให้ก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นระดับโลก การเป็นแหล่งรวมของความคิดสร้างสรรค์ การนำเสนอสินค้าที่มีดีไซน์ การทำงานร่วมกัน และการเข้าถึงตลาด คาดว่าจะช่วยส่งผลให้งาน "STYLE Bangkok" ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต”


                                                                                                                                        งาน "STYLE Bangkok 2024" ได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้เยี่ยมชมงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ซื้อชาวต่างประเทศ เช่น Ms. Takako Kondo กล่าวว่า “มางาน STYLE Bangkok 2024 ได้รับประสบการณ์ที่ดี มีค่ามาก ได้พบสินค้าถูกใจมากมาย และพบว่า STYLE Bangkok ให้ความสําคัญกับเรื่อง SDGs ซึ่งสำคัญมาก และให้มุมมองที่แตกต่าง”  มร. David Tucker ผู้ซื้อจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย บอกว่าเขาตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของงาน  STYLE Bangkok ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปในฮอลล์ด้วยซ้ำ  ที่จริงเขาและเจ้านายต่างมีความสนใจในผลิตภัณฑ์ประเภทของตกแต่งบ้านจากประเทศไทยมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สินค้าทำมือ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีความยั่งยืน “ผมคิดว่า เมื่อเราขายสินค้าให้ใคร เราจำเป็นที่จะต้องบอกเค้าได้ว่านี่เป็นสินค้าประเภทที่มีความยั่งยืนผลิตแบบออร์แกนิก ไม่สร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม”

             ทนอกจากสินค้าที่โดดเด่น มากมายที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ซื้อผู้ชมงานแล้ว STYLE Bangkok 2024 ยังได้รับการตอบรับในแง่การจัดนิทรรศการที่หลากหลาย การสัมมนาให้ความรู้เชิงลึก และกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจที่คึกคัก ความสำเร็จของงานเป็นอีกหนึ่งประจักษ์พยานในความมุ่งมั่นของไทยบนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและบทบาทของสินค้าไทยในเวทีระหว่างประเทศ    

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       


วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567

อิ่มอร่อยได้ไม่อั้น "สามสหายซาชิมิพรีเมียม" ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพโรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

 อิ่มอร่อยได้ไม่อั้น "สามสหายซาชิมิพรีเมียม" ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพโรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

      ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เอาใจคนรักอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะสายปลาดิบกับเมนูพิเศษ “Trio Premium Sashimi” ความอร่อยที่พลาดไม่ได้ตลอดเดือนเมษายน 2567 นี้เท่านั้น


            เชิญลิ้มลองความพรีเมียมกับ “เซตสามสหายซาชิมิพรีเมียม” ด้วย “โอโทโร่” ลายไขมันสวยงาม สัมผัสเนียนนุ่มละมุนลิ้น “ฮามาจิ” เนื้อแน่น หวานฉ่ำ สดใหม่ “แซลมอน” ชิ้นหนา ลายสวย อร่อยเต็มคำ บริการรวมในบุฟเฟต์นานาชาติมื้อเย็น ทั้งซีฟู้ด ซูชิพรีเมียม พาสต้า ขาหมู ข้าวต้มปลากะพง ขนมหวาน ผลไม้ ไอศกรีม เครื่องดื่มชา-กาแฟ น้ำอัดลม ระหว่างเวลา 18.00 – 22.00 น.

              พิเศษสุด! เพียงท่านละ 1,299 บาทสุทธิ (จากราคาปกติ 1,700 บาท) ทานได้แบบไม่จำกัดเวลา

              สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2276-4567 ต่อ 8429-30 หรือ ไลน์ @theemeraldhotel  และ www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop






                                                                                                                      

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567

รางวัล"THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024" สุดยอดองค์กรธุรกิจไทย

นิตยสาร BUSINESS+ โดย บมจ.เออาร์ไอพี จับมือ ม.หอการค้าไทย

จัดมอบรางวัล"THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024"

สุดยอดองค์กรธุรกิจไทย

     นิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดงานมอบรางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024” รางวัลอันเป็นเครื่องหมายแห่งความภาคภูมิใจแด่องค์กรไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศ ที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมีความเป็นเลิศในแต่ละด้าน ประจำปี 2567 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Future of AI – Enabled Enterprises โดยมี ฯพณฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี มาปาฐกถาพิเศษ และเป็นประธานในการมอบรางวัลใหีแก่องค์กรที่ได้รับรางวัลทั้งสิ้นรวม 20 รางวัล ประกอบด้วยรางวัลประเภทอุตสาหกรรม 7 รางวัล และรางวัลความเป็นเลิศ 13 รางวัล โดยมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมรับรางวัลอย่างสมเกียรติ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เมื่อวันวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567

      นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ บมจ. เออาร์ไอพี กล่าวว่า “ งานมอบรางวัลในวันนี้นับเป็นปีที่ 12 ที่นิตยสาร BUSINESS+ ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ โดยจัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Future of AI – Enabled Enterprises  : ก้าวสู่อนาคตขององค์กรด้วยปัญญาประดิษฐ์ ด้วยความชาญฉลาดและความก้าวหน้าของ AI ย่อมจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง และการปฏิวัติการทำงานในด้านต่างๆ มากขึ้น ส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ทั้งด้านประสิทธิภาพการทำงาน และการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Generative AI ซึ่งจากการวิจัยของ McKinsey แสดงให้เห็นว่า Generative AI สามารถเปิดใช้งานระบบอัตโนมัติในกิจกรรมทางธุรกิจได้มากถึงร้อยละ 70 ในเกือบทุกสาขาอาชีพระหว่างปัจจุบันถึงปี 2030 ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้นับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกองค์กรจะต้องศึกษาเรียนรู้ และนำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ใช้ให้มากยิ่งขึ้น ในนามนิตยสาร Business+ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า รางวัล THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024 นี้ จะเป็นอีกหนึ่งรางวัลสำคัญในการเสริมสร้างกำลังใจ ให้องค์กรทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เสริมสร้างความมุ่งมั่นที่จะยกระดับศักยภาพในการบริหารจัดการธุรกิจให้เจริญงอกงามยั่งยืน อันเป็นรากฐานสำคัญของเศรษกิจไทยต่อไปในอนาคต”

         รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า  “มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านธุรกิจของประเทศและระดับอาเซียนที่มุ่งสร้างผู้ประกอบการ ผู้บริหาร และนักบริหารธุรกิจที่มีคุณภาพ มีคุณธรรมจริยธรรม พร้อมรับมือกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเรียนการสอนด้านนวัตกรรม  ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI  โดยมหาวิทยาลัยได้เปิดหลักสูตร วิศวกรรมคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์  และวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่เน้นเรื่อง Data Analytics and Intelligent System Development เพื่อสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจ ที่จะต้องมุ่งไปสู่โลกแห่ง AI ที่เป็นอนาคต ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก อย่างไรก็ตามปี 2567 นี้ เราเองต้องพบกับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และทุกท่านในที่นี้คือผู้ที่สามารถฝ่าฝันทุกอุปสรรคในปีที่ผ่านมาได้จนเป็นที่ประจักษ์ ผมจึงขอแสดงความยินดีกับทุกองค์กรที่เข้ารับรางวัลในครั้งนี้ รางวัลนี้จะเป็นอีกรางวัลแห่งเกียรติยศและสร้างความภาคภูมิใจในความสำเร็จขององค์กร”

      สำหรับรายชื่อองค์กรที่ได้รับรางวัล “THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2024”  ได้แก่

ประเภทอุตสาหกรรม     

1. อุตสาหกรรมการเงิน ได้แก่ บริษัท อาคเนย์แคปปิตอล จำกัด 

2. อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)

3. อุตสาหกรรมประกันชีวิต ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

4. อุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)     

5. อุตสาหกรรมพลังงาน ได้แก่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

6. อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด

7. อุตสาหกรรมสำรวจและผลิตทรัพยากรธรรมชาติ และสาธารณูปโภค ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) 

    

ประเภทความเป็นเลิศ    

1. BEST CROSS BORDER BUSINESS SOLUTIONS AWARD ได้แก่ Bank of China (Thai) Public Company Limited

2. BEST INNOVATIVE TECHNOLOGY AWARD ได้แก่ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด

3. DIGITAL BANKING SERVICES OF THE YEAR AWARD ได้แก่ ทีเอ็มบีธนชาต

4. ESG EXCELLENCE AWARD ได้แก่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

5. FAST-GROWING COMPANY AWARD ได้แก่ MERZ AESTHETICS THAILAND

6. MOST ADMIRED BRAND AWARD ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

7. MOST POTENTIAL AWARD ได้แก่ บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

8. OUTSTANDING AWARD ได้แก่ บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)

9. TOP BUSINESS PARTNERSHIP AWARD ได้แก่ บริษัท ลีดเวย์ เฮฟวี่ แมชชีนเนอร์รี่ จำกัด

10. TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD ได้แก่ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)

11. TOP MANAGEMENT AWARD ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 

ประเภท RISING STAR

12. RISING STAR ได้แก่ บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด 

13. RISING STAR ได้แก่ บริษัท เอ็น.พี. เมดิคอล จำกัด (โรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์เนิร์ฟ)              


วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567

จีเอเบิล ผนึกกำลัง Workday พันธมิตรยักษ์ใหญ่ระดับโลก ผู้นำเทคโนโลยี Total HR Solutions ลุยตลาดในไท

จีเอเบิล ผนึกกำลัง Workday พันธมิตรยักษ์ใหญ่ระดับโลก

ผู้นำเทคโนโลยี Total HR Solutions ลุยตลาดในไทย

      ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด และมิสแพนนี เซีย ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอาเซียน เวิร์กเดย์  (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว ความร่วมมือระหว่าง "GABLE" และ "WORKDAY" พันธมิตรระดับโลก  ผนึกกำลังกันร่วมรุกธุรกิจด้าน HCM พลิกโฉมวงการการบริหารทรัพยากรบุคคล สู่ยุค Digital HR” ณ ห้อง Ballroom 2 ชั้น 7 โรงแรม Sofitel Bangkok Sukhumvit เมื่อวันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 


       บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้าน "Tech Enabler" ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติผ่านไอทีโซลูชันที่ทันสมัย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ เวิร์กเดย์ (Workday) ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี เพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคลครบวงจรรายใหญ่ระดับโลก มีผู้ใช้บริการกว่า 65 ล้านคนทั่วโลก ในฐานะที่ จีเอเบิล ได้เป็นตัวแทนเจ้าแรกและเจ้าเดียวของเวิร์กเดย์ ในประเทศไทย ที่มุ่งบุกตลาด HR Solutions ในไทย โดยความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดการให้บริการด้านไอทีโซลูชันของจีเอเบิลให้มีความแข็งแกร่งและครบวงจรมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าให้เติบโตขึ้น

     ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันการปรับกระบวนทัพภายในองค์กรเพื่อนำพาธุรกิจให้เติบโต สิ่งที่ต้องเริ่มต้นให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ ‘คน’ เพราะหน่วยงานทรัพยากรบุคคลเป็นเสมือนพาร์ทเนอร์คนสำคัญของผู้นำองค์กร ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยองค์กรปรับตัวให้พร้อมรับกับคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจที่กำลังเข้าสู่โลกดิจิทัล สอดคล้องกับข้อมูลของ Gartner ที่ได้มีการเผยถึงทิศทางการเติบโตของตลาด HCM solutions ในไทยในช่วงปี 2023-2027 ไว้ว่ามีแนวโน้มเติบโตถึง 18% และจากการรายงานของบริษัทจดทะเบียน (SET100) ในปี 2022 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังได้เผยถึงจำนวนพนักงานในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่มีมากถึง 1,066,605 คน ทำให้ จีเอเบิล เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในการนำเทคโนโลยีที่มีความโดดเด่นเฉพาะด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับการยอมรับในวงการทรัพยากรบุคคลระดับโลก ผ่านการลงนามข้อตกลงร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเวิร์กเดย์ โดยคาดหวังที่จะยกระดับนวัตกรรม HR Solutions ในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมระดับสากล อีกทั้งยังได้มีการนำ Workday HR Solutions เข้ามาใช้ภายในองค์กร เนื่องจากนวัตกรรมของเวิร์กเดย์ สามารถช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลสอดรับกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ภายใต้โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อน (Skills-Based Resource Management) ทั้งในเรื่องของการประเมินความสามารถของพนักงานในการตอบสนองเป้าหมายของธุรกิจ การสร้างแผนพัฒนาทักษะที่ตอบโจทย์ (Reskilling for Future Success) การวัดผลและพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานอย่างเป็นระบบ (Workforce Agility) ตลอดจนการเข้าถึงพนักงานภายใต้การทำงานแบบ Remote Work (Employee Engagement) ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญในโลกยุคใหม่ให้ความสนใจ และสามารถช่วยตอบโจทย์การบริหารงานบุคคลภายในองค์กรได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น


        มิสแพนนี เซีย ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอาเซียน เวิร์กเดย์ กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีความสำคัญสำหรับเวิร์กเดย์ การร่วมมือกับจีเอเบิลในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการขยายฐานผู้ใช้งานระบบแพลตฟอร์มของเวิร์กเดย์ให้เพิ่มขึ้นอีก โดยในปัจจุบัน Workday มีจำนวนผู้ใช้งานระบบกว่า 65 ล้านรายทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโซลูชันของจีเอเบิลประกอบกับประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มการจัดการทรัพยากรบุคคลของเวิร์กเดย์ที่ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกความต้องการ จะช่วยให้ภาคธุรกิจในไทยสามารปลดล็อกประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และเติบโตสู่ความสำเร็จในระยะยาวได้มากยิ่งขึ้น”

        ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีเอเบิล กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ จีเอเบิลและเวิร์กเดย์ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกโฉมนวัตกรรม การบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างครบวงจรผ่าน “Workday” ที่เป็น Total HR Solutions รายใหญ่ของโลก ซึ่งจะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้บริหารและผู้ประกอบการในการจัดการกับความท้าทายใหม่ๆ ในโลกธุรกิจดิจิทัล และสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีขีดจำกัด” 


  

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยสุขภาพประชาชนในวิกฤตค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน มอบหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95 ผ่านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยสุขภาพประชาชนในวิกฤตค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน มอบหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95 ผ่านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.

        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ เข้าพบนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อมอบหน้ากากอนามัย และหน้ากาก N95 จำนวน 206,000 ชิ้น รวมมูลค่า 320,000 บาท (สามแสนสองหมื่นบาทถ้วน) นำแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่เขตต่างๆ และบุคลากรทางการแพทย์ในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือตามแต่ทางกรุงเทพมหานครเห็นควร เพื่อบรรเทาทุกข์ในช่วงสถานการณ์ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน โดยมี นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และนางชญาน์นันท์ สรพลจิโรจเดชา หัวหน้าแผนกสื่อสารองค์กร (จีน) พร้อมคณะ ร่วมในพิธี ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567



        ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

      ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

## มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

กระแสตอบรับดีมาก นักช้อปทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างถูกใจสินค้า Sustainability หลากหลาย ในงาน "STYLE Bangkok 2024"

กระแสตอบรับดีมาก นักช้อปทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างถูกใจสินค้า Sustainability หลากหลาย

ในงาน "STYLE Bangkok 2024"

      เพราะแนวความคิดและธีมหลักของการจัดงานที่เน้นเรื่องความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การคัดเลือกกลุ่มผู้ประกอบการที่เน้นให้ความสำคัญเรื่อง biology economy cycle economy และ green economy หรือวัสดุธรรมชาติ เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อ สิ่งแวดล้อมยั่งยืน ทำให้มีผู้ร่วมเข้าชมงานจากทั่วโลกให้ความชื่นชม

       นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และผู้เข้าร่วมชมงานบางส่วน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานที่เน้นสินค้าในกลุ่มรีไซเคิลและวัสดุธรรมชาติ ดังนี้



        ชาวต่างประเทศที่พำนักในประเทศไทยได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาชอบงานพื้นเมืองของไทย เช่น พวกผ้า งานไม้ งานฝีมือ โดยตัวเขามาไทยได้ระยะหนึ่ง อยากให้จัดซุ้มของชาวบ้าน ของท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น

         ส่วนกลุ่มแม่บ้านญี่ปุ่น สนใจพวกเครื่องครัวจากไม้และชิ้นงานสานเช่นกระเป๋าสาน หรือว่าแผ่นรองอาหาร เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความสนใจอย่างมาก  อยากให้ทางโครงการโปรโมทให้แม่บ้านต่างนานาชาติได้มาเลือกซื้ออุปกรณ์ ต่างๆที่ใช้งานได้จริงในบ้านมางานกันเยอะๆ

          และผู้ที่ชื่นชอบงานสไตล์มาทุกครั้ง ฝากคำเชิญชวนว่า ให้ทุกคนออก มาเปลี่ยน furnitureบ้าง เพื่อให้เกิดบรรยากาศใหม่ไปในบ้าน และ ของที่ใช้จะได้ไม่ชำรุด และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือกันในประเทศได้ด้วย


         สสบ. สรุปจำนวนผู้เข้าชมงาน STYLE Bangkok 2024 ในวันที่ 24 มี.ค. 67 วันจำหน่ายปลีกวันสุดท้ายของการจัดงานจำนวนยอดผู้เข้าชมงานรวม 5 วันทั้งสิ้น 25,545 คน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.40 จากการจัดงานครั้งที่ผ่านมา  สำหรับต่างประเทศที่ให้ความสนใจสูงสุด 3 ชาติแรกยังคงเป็น จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น

           ส่วนบรรยากาศของงานในวันค้าปลีก ของงาน "STYLE Bangkok 2024" วันที่23-24 มีนาคม 2567 มีทั้งการจับจ่ายซื้อสินค้า แลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรม การให้คำแนะนำระหว่างผผู้ใช้ที่อยากให้ผู้ผลิตได้นำไปออกแบบให้ดีไซน์ใช้งานได้ทั้งสวยและใช้งานได้จริง และคาดหวังว่าในปีหน้าของการจัดงาน STYLE Bangkok จะได้เห็นสินค้าแนว sustainability ที่มีนวัตกรรมใหม่เพิ่มขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก


                                                                                                                    


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส  ในโครงการส่งเสริ...