วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

พาลาทีน ผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และผลิตภัณฑ์ในเครือ อีทเวลล์ ร่วมออกงาน Fi Asia Thailand 2023

พาลาทีน ผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และผลิตภัณฑ์ในเครือ อีทเวลล์ ร่วมออกงาน Fi Asia Thailand 2023




      ดร.จุฑามาศ อรุณานนท์ชัย กรรมการบริหารสายพัฒนาธุรกิจบริษัท บริษัท อีทเวลล์ จำกัดนำผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ภายใต้แบรนด์พาลาทีน และผลิตภัณฑ์ในเครือ ร่วมออกงาน Fi Asia Thailand 2023 งานแสดงสินค้าที่ครอบคลุมอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี ส่วนผสมอาหาร เครื่องดื่มแห่งเอเชีย ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 แห่งเอเชียที่กลุ่มผู้ประกอบการต้องมาเพื่ออัพเดตเทรนด์แห่งอาหารโลก พร้อมมุ่งเป้าในการเพิ่มศักยภาพ และเพิ่มมูลค่าผู้ประกอบการวัตถุดิบและเครื่องดื่มท้องถิ่นสู่เวทีระดับโลก โดยมีนายวิโรจน์  กมลสัมฤทธิชัย คุณภัคธินันท์ พงศ์ธนันท์ภาส คุณปัญญโชติ เวชสมุทรวารี คุณนันทิชา บุรี คุณวชิรวิทย์ อาจทวีกุล และศศิธร เพชรภักดี นักโภชนาการ ร่วมงานด้วย ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์






สวพส. ชู การแก้ไขความยากจนบนพื้นที่สูง สำเร็จได้ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ ตามแนวทางผลสำเร็จของโครงการหลวงมาปรับใช้

สวพส. ชู การแก้ไขความยากจนบนพื้นที่สูง

สำเร็จได้ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ 

ตามแนวทางผลสำเร็จของโครงการหลวงมาปรับใช้ 


        จากข้อมูลแผนที่ความยากจนของรัฐบาล (TPMAP) แสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนที่ยังมีความยากจนส่วนใหญ่อยู่บนพื้นที่สูงและอยู่ตามแนวชายขอบของไทย ประกอบอาชีพการเกษตรเป็นหลัก หนึ่งในสาเหตุของความยากจน คือ เกษตรกรสร้างผลิตผลเกษตรได้น้อยเนื่องจากผลผลิตต่อพื้นที่ต่ำลง ต้นทุนการผลิตสูง และมีการใช้สารเคมีเกษตรอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีเกษตรและตกค้างทั้งในผลิตผล ดิน และน้ำ รวมทั้งการบุกรุกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่ทำเกษตรให้สามารถผลิตพืชได้จำนวนมากสำหรับขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว ในขณะที่ราคาผลผลิตค่อนข้างต่ำและผันผวน มีช่องทางการตลาดน้อย  

นางสาวเพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการสถาบัน ด้านการพัฒนาสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง  กล่าวว่า สวพส. มีภารกิจในการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง และการนำองค์ความรู้และผลสำเร็จของโครงการหลวงไปปรับใช้ในพื้นที่สูงอื่น ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านการผลิตพืชที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั่นคือ การปลูกพืชในระบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำการเกษตรบนพื้นที่สูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปัญหาความยากจนโดยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากกว่าการทำการเกษตรแบบเดิม ตลอดจนสร้างโอกาสทางการตลาดซึ่งทำให้เกษตรกรมีตลาดที่แน่นอนและมีรายได้ที่มั่นคง 


          โดยการมีส่วนร่วมของเกษตรกรบนพื้นที่สูง นักวิจัย นักพัฒนาและส่งเสริม และหน่วยงานร่วมบูรณาการทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ในการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรเพื่อจัดการปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ปัจจัยการผลิตชีวภาพ เช่น ชีวภัณฑ์ น้ำหมักชีวภาพฯลฯ และวางแผนการผลิตผักอินทรีย์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด รวมถึงทีมนักวิจัยของ สวพส. และมูลนิธิโครงการหลวงร่วมกันศึกษาวิจัยเทคโนโลยี อาทิ การคัดเลือก/ทดสอบพันธุ์พืช การผลิตเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์สำหรับป้องกันกำจัดโรคแมลงทดแทนสารเคมีเกษตร  


       รวมทั้ง มีการวางแผนการขนส่งร่วมกัน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า สำหรับการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ บริษัทเอกชนบางแห่งยังช่วยสนับสนุนปัจจัยการผลิต คิดเป็นมูลค่า 300,000 บาท ให้กับกลุ่มเกษตรกรในการจัดทำโรงเรือนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มปริมาณการปลูกให้เพียงพอต่อความต้องการของบริษัทด้วย โดย เจ้าหน้าที่ของ สวพส. จะเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งอาศัยกลไกของแผนแม่บทหรือแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) และแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งจะมีหน่วยงานร่วมบูรณาการประมาณ 33 หน่วยงาน  


       ปัจจุบันในพื้นที่ ที่สวพส. ดำเนินงาน ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง 19 แห่ง และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน 2 แห่ง ใน 8 จังหวัด มีเกษตรกร 452 คน พื้นที่รวม 1,441.702 ไร่ ได้รับการรับรองแหล่งผลิตมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเทศไทย (Organic Thailand) แบ่งเป็น เกษตรกรที่ปลูกกาแฟอินทรีย์ 339 ราย พื้นที่ 1,245.72 ไร่ และเกษตรกรที่ปลูกผักอินทรีย์ 113 ราย พื้นที่ 195.982 ไร่ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565 รวมเป็นเงิน 44,264,549 บาท 

นางสาวเพชรดา อยู่สุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดยังมีความต้องการผลิตผลอินทรีย์ทั้งกาแฟและพืชผักอีกมาก ซึ่งกลุ่มเกษตรกรที่ดำเนินการอยู่ยังไม่สามารถส่งผลิตผลได้ครบตามแผนความต้องการของตลาด จึงเป็นโอกาสและแรงจูงใจในการขยายการส่งเสริมการปลูกพืชอินทรีย์ โดย สวพส. ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายงานออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงทั้ง 44 แห่ง รวมทั้งการขยายไปยังพื้นที่สูงที่อยู่ใกล้เคียง โดยอาศัยกลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบหรือตัวอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเกษตรกรกลุ่มใหม่ ๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรแบบเดิมเป็นการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเกษตรอินทรีย์ต่อไป


วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

พิธีเปิดโรงงานใหม่ เพิ่มจำนวนฐานการผลิตคาปาซิเตอร์ของมูราตะ เป็น 6 แห่งทั่วโลก

พิธีเปิดโรงงานใหม่ เพิ่มจำนวนฐานการผลิตคาปาซิเตอร์ของมูราตะ เป็น 6 แห่งทั่วโลก

            บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นฐานการผลิตในเครือของบริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด ประเทศญี่ปุ่น จัดพิธีเปิดอาคารโรงงานผลิตแห่งใหม่ โดยได้รับเกียรติจากนายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย ฯพณฯ นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น นายนายโนริโอะ นากาจิมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด นายฮิกุจิ เคอิจิ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และนายจุนนิชิโระ คุโรดะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพฯ (เจโทร กรุงเทพ) นายนางาโตะ โอโมริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการหน่วยธุรกิจตัวเก็บประจุเซรามิก บริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด นายฮิโรคะซุ ซาซาฮาร่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ณ นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566


      อาคารโรงงานผลิตแห่งใหม่นี้จะใช้ผลิตตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้น (Multilayer Ceramic Capacitors) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเรือธงของมูราตะ และครองส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกสูงถึง 40% พร้อมกันนี้บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีแผนจะจ้างงานประมาณ 2,000 อัตราในอนาคตอันใกล้นี้



       เมื่ออาคารโรงงานผลิตใหม่นี้แล้วเสร็จจะเสริมให้มูราตะ มีฐานการผลิตคาปาซิเตอร์ในต่างประเทศสี่แห่ง ได้แก่นครอู๋ซี ประเทศจีน ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทย และอีกสองแห่งในนครฟูกูอิ และนครอิซูโมะ ประเทศญี่ปุ่น

        
       ทั้งนี้มูราตะให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างองค์กรที่จะสามารถตอบสนองต่อการเติบโตทั้งระยะกลางถึงระยะยาวในความต้องการตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้น โดยมุ่งมั่นที่จะขยายห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้การส่งมอบมีความเสถียรและต่อเนื่องด้วยการให้มีการผลิตในหลากหลายแห่ง


      ในปัจจุบันด้วยความแพร่หลายของสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยี 5จี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ย่อส่วน เช่นอุปกรณ์สวมใส่ ส่งผลให้มีความต้องการในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ย่อส่วนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความหนาแน่นของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน  ดังนั้นตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้นจึงตอบโจทย์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ได้เป็นอย่างดี  โดยเฉพาะในสมาร์ทโฟนระดับไฮเอ็นด์สามารถติดตั้งคาปาซิเตอร์ชนิดนี้ได้มากถึง 1,000-1,200 ตัวเลยทีเดียว เป็นการแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีการย่อส่วนและขีดความสามารถ


      ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นนี้ในระยะกลางและระยะยาว มูราตะ จึงได้ขยายกำลังการผลิตตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้นเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10% เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวในวงการอิเล็กทรอนิกส์
        บริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด เป็นผู้นำระดับโลกในการออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายโซลูชั่นและชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์พื้นฐานเซรามิกแบบพาสซีฟ  โมดูลการสื่อสารและโมดูลจ่ายไฟ  มูราตะ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาวัสดุอิเล็กโทรนิกส์ขั้นสูงและโมดูลความหนาแน่นสูง หลากหลายฟังก์ชั่น ระดับชั้นนำ  และบริษัทยังมีฐานการผลิตและว่าจ้างพนักงานทั่วโลก
https://corporate.murata.com/en-global

ไหว้พระจันทร์ปีนี้ ขอพรเจ้าแม่ทับทิม เสริมสิริมงคลชีวิตรุ่งเรือง ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

ไหว้พระจันทร์ปีนี้ ขอพรเจ้าแม่ทับทิม เสริมสิริมงคลชีวิตรุ่งเรือง ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

      สวนหลวง-สามย่าน ร่วมกับคณะกรรมการศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ จัดพิธีไหว้พระจันทร์ ในวันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 เวลา 19.00 น. ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาสักการะขอพรเสริมสิริมงคล ด้านสุขภาพ การเรียน การงาน การเงินธุรกิจ ความรัก ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ


และพิเศษสุดวันไหว้พระจันทร์ ตั้งแต่วันนี้ - 29 กันยายน 2566 ศาลเจ้าแม่ทับทิมขยายเวลาเปิดถึงเวลา 21.00 น. เพี่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะเจ้าแม่ทับทิม และพบกับร้านน้องเบเกอร์รี่ที่อำนวยความสะดวกด้วยการนำขนมไหว้พระจันทร์มาจำหน่ายและมอบส่วนลด 10% อีกทั้งยังชวน Work Shop ทำข้าวเกรียบปากหม้อ เวลา 18.00 น.โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ


พร้อมกันนี้ตลาดสามย่านได้รวบรวมของไหว้และผลไม้มงคลให้เลือกสรร 

• ขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายแบรนด์, ขนมมงคลทั้งสไตล์ไทยและจีนที่ร้านน้องเบเกอร์รี่และร้านเจ๊จันทร์  

• ผลไม้มงคลหลากหลายจากร้านป้าหลวย, ร้านเจ๊เล็ก,  ร้านเจี๊ยบ, ร้านFruit Plus และร้านเจ๊ส่วน

• ดอกไม้ พวงมาลัย ธูปเทียน และเครื่องไหว้ชุดเพ้าหรือชุดกระดาษไหว้ที่ร้านเอี้ยงนี้ และร้านสุพรรณี  

• เครื่องไหว้มงคล อาทิ วุ้นเส้น สาหร่าย ฟองเต้าหู้ เห็ดหอมที่ร้านน้องสุดใจ


         ส่วนการเดินทางมาศาลเจ้าแม่ทับทิม ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ มีสถานที่จอดรถที่สะดวกสบาย ปลอดภัย หรือสามารถเดินทางได้หลากหลายช่องทาง 

• รถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

• รถไฟฟ้า BTS สถานี สนามกีฬาแห่งชาติ ต่อรถ Shuttle Bus สาย 2 ลงป้าย อาคารจามจุรี 14 แล้วเดินต่อมาที่อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ หรือ ตุ๊ก ตุ๊ก  Movmi ลงสถานีลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

• รถไฟฟ้า BTS สถานี สยามสแควร์ ต่อรถ Shuttle Bus สาย 1 หรือ 4 ลงที่สถานีศาลาพระเกี้ยว และต่อรถ Shuttle Bus สาย 5  หรือรถตุ๊ก ตุ๊ก “Muvmi” ลงสถานีลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ 

• รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานี สามย่าน ต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 หรือ รถตุ๊ก ตุ๊ก “Muvmi” ลงสถานีลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ 

• รถประจำทาง สาย 73, 73 ก, 113  (ถนนบรรทัดทอง)


วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2566

สุนทร อรุณานนท์ชัย นัดเพื่อน รุ่น ACC 1963 พบปะสังสรรค์

สุนทร อรุณานนท์ชัย นัดเพื่อน รุ่น ACC 1963 พบปะสังสรรค์


        สุนทร อรุณานนท์ชัยได้นัดพบปะสังสรรค์เพื่อน รุ่น ACC 1963 อาทิ คุณวิชัย ศรีประเสริฐ คุณบำรุง ตันจิตติวัฒน์ คุณสมบูรณ์ อัศวสันติ คุณพรรฉัฒน์ เทพประเสริฐวังศา คุณวีระ ตันชูเกียรติ และท่านอื่น ๆ ร่วม 40 คน ณ โรงแรม แกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพ



เผยโฉม 4 หนุ่มสุดยอด Gen Z Ambassadors ในโครงการ From Gen Z to be CEO ประจำปี 2566 พร้อมทำหน้าที่ส่งต่อแรงบันดาลใจสู่รุ่นต่อไป

เผยโฉม 4 หนุ่มสุดยอด Gen Z Ambassadors

ในโครงการ From Gen Z to be CEO ประจำปี 2566

พร้อมทำหน้าที่ส่งต่อแรงบันดาลใจสู่รุ่นต่อไป

      จบลงอย่างสวยงามสำหรับโครงการกระจายความรู้สู่ผู้ประกอบการยุคใหม่ (From Gen Z to be CEO) ประจำปี 2566 โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สามารถปั้น Gen Z รุ่นใหม่ได้เกินเป้าหมาย พร้อมเผยโฉม 4 หนุ่มสุดยอด Gen Z ผู้ทำคะแนนสูงสุดและได้รับคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 23,800 ราย พร้อมทำหน้าที่ Gen Z Ambassadors เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ส่งต่อแรงบันดาลใจสู่การเป็นผู้ประกอบการให้แก่ Gen Z รุ่นต่อๆ ไป โดย Gen Z Ambassadors ประจำปี 2566 ได้แก่

1. นายวชิรวิทย์ เลิศอภิสิทธิ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

2. นายวริศร์ สุริยันยงค์ คณะเศรษฐศาสตร์ ชั้นปี 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

3. นายวฤธ ไตรเกษมศักดิ์ คณะบริหารธุรกิจ ชั้นปี 4 วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล

4. นายณัฐพล แก้วชุม คณะศิลปศาสตร์ ชั้นปี 4  มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

        นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีและดีใจกับน้องๆ Gen Z Ambassadors ทั้ง 4 คน และรวมถึงน้อง Top100 ทุกคนที่มีความตั้งใจจนสามารถเห็นความสำเร็จของตัวเองในวันนี้ และในนามของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สิ่งที่เรามีและจะมีต่อไปคือความเชื่อ เชื่อในศักยภาพของน้อง ๆ และเชื่อในความร่วมมือของพันธมิตรทั้งภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เรามีความเชื่อเดียวกันว่า อนาคตประเทศไทยอยู่ในมือของน้อง ๆ ทุกคน และไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดในโลก ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือความพลิกผันแค่ไหน ถ้า Gen Z ของเราเข้มแข็ง เราเชื่อว่าน้อง ๆ ในโครงการของเราก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับประเทศเราได้อย่างแน่นอนค่ะ ขอให้น้อง ๆ ทุกคนโชคดี และนำความรู้ประสบการณ์ และรางวัลการันตีจากโครงการ From Gen Z to be CEO ไปใช้ต่อยอดในอนาคตต่อไป”

         นายวชิรวิทย์ เลิศอภิสิทธิ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า “ขอขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัวและอาจารย์ที่คอยสนับสนุนและผลักดันผม รู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่สุดที่ผมได้รับตำแหน่ง Gen Z Ambassadors การที่ผมสามารถทำคะแนนได้ดีไม่ได้มาจากการเข้าเรียนภายใน 3 วันเพียงอย่างเดียว แต่ทางมหาวิทยาลัยก็มีเนื้อหาการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ซึ่งผมได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์จากการเรียนในชั้นเรียนมาตลอด 3 ปี บวกกับได้รับความรู้เสริมจากวิทยากรในโครงการทุกท่าน ที่ทำให้ผมสามารถสอบได้คะแนนดีครับ สำหรับผม ผมชอบทุกวิชา เพราะผมมองว่าการทำธุรกิจต้องใช้ความรู้ในหลาย ๆ ด้านมาบูรณาการเข้าด้วยกันจึงจะสามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จครับ และผมจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการแนะนำสิ่งดีๆ จากโครงการ From Gen Z to be CEO ให้กับน้อง ๆ รุ่นต่อไปให้ได้รับทั้งความรู้และโอกาสเหมือนกับผมครับ”

        นายวริศร์ สุริยันยงค์ คณะเศรษฐศาสตร์ ชั้นปี 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ ครับที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการและได้รับตำแหน่ง Gen Z Ambassadors การได้มาถึงจุดนี้สำหรับผมความรู้จากวิทยากรทุกท่านมีประโยชน์มากๆครับ ความตั้งใจในเวลาเรียน จดโน๊ตต่าง ๆ และการทบทวนเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมสามารถจับประเด็นสำคัญ ๆ และนำสิ่งเหล่านั้นมาทบทวนมากกว่า 1 รอบก่อนสอบ เป็นเคล็ดไม่ลับที่ผมทำจนสามารถทำคะแนนได้ดี สิ่งที่ผมได้รับจากโครงการคือความรู้ และโอกาสการฝึกงานทั้งในและต่างประเทศ หากเพื่อนๆ หรือน้อง ๆ ที่สนใจ อยากจะเป็น Gen Z Ambassadors ถ้าทุกคนตั้งใจก็สามารถทำได้แน่นอนครับ”

         นายวฤธ ไตรเกษมศักดิ์ คณะบริหารธุรกิจ ชั้นปี 4 วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “รู้สึกดีใจมากครับที่ได้เป็น Gen Z Ambassadors การที่ทำให้ผมมาถึงจุดนี้ คือ การตั้งเป้าหมายว่าอยากฝึกงานกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือ สคต.ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ผมถึงจุดนี้ อีกทั้งวิชาที่สอนมีความหลากหลายและเจาะลึก ทำให้ผมรู้สึกว่าได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับตลาดสินค้าไทยที่เราไม่คาดคิดว่าเป็นที่นิยมในต่างประเทศ หรือตลาดสินค้าในประเทศโซน Middle east ที่สินค้าเราเป็นที่นิยมมากๆ แต่เราไม่เคยรู้มาก่อน ช่วยเปิดโลกทัศน์ของเรามากครับ ผมก็ขอเชิญชวนน้องๆ รุ่นต่อไปสมัครเข้าร่วมโครงการนี้กันเยอะ ๆ ครับ และใช้เวลาในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ให้เป็นประโยชน์เพื่อเพิ่มความรู้และพัฒนาตนเอง ให้ดียิ่งๆ ขึ้นครับ”

           นายณัฐพล แก้วชุม คณะศิลปศาสตร์ ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า “รู้สึกดีใจและภูมิใจมาก ๆ ครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการและได้มารับตำแหน่งนี้ ความพยามและความใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ตอนเรียนวิทยากรทุกท่านได้บอกประเด็นสำคัญ ๆ เป็นเคล็ดลับที่ทำให้ผมสามารถทำคะแนนได้ดี ผมเห็นว่าตอนนี้การตลาดในประเทศไทยมีการแข่งขันสูง ซึ่งการส่งออกไปยังต่างประเทศจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งโครงการนี้เองที่จะให้โอกาส ให้ความรู้เรื่องการส่งออก ที่เป็นประโยชน์มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานที่จะนำไปต่อยอดในธุรกิจ พร้อมทั้งโอกาส และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเราสามารถรับคำปรึกษาจากสถาบัน NEA ได้เช่นกัน ก็ขอชวนน้อง ๆ รุ่นต่อไปมาเข้าร่วมโครงการกันเยอะ ๆ ครับ”

         นอกจากนี้ หน่วยงานพันธมิตรของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น True Huawei Bitkub EXIM Bank P&G SPVi BOL และ SVOA ได้มอบของรางวัลสุดพิเศษให้แก่น้อง ๆ Gen Z Ambassadors ทั้ง 4 ราย อาทิ ทุนการศึกษาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และคอร์สเรียนต่างๆ รวมมูลค่าทั้งสิ้นรายละกว่า 286,000 บาท

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของโครงการ From Gen Z to be CEO ในครั้งต่อไปได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/nea.ditp/ หรือสอบถามรายละเอียดหลักสูตรต่าง ๆ ของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (สถาบัน NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ที่ https://nea.ditp.go.th/ หรือ LINE OA : @e-academy หรือที่สายด่วน 1169 กด 1 และกด 1


นายกฯ เศรษฐาต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถาน ตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) ด้วยตัวเอง นักท่องเที่ยวสุดแสนประทับใจ

นายกฯ เศรษฐาต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนและคาซัคสถาน 

ตามมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA Exemption) ด้วยตัวเอง 

นักท่องเที่ยวสุดแสนประทับใจ


       นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยว จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เที่ยวบิน XJ 761 สายการบิน Thai AirAsia X เส้นทางบินตรงเซี่ยงไฮ้-สุวรรณภูมิ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 341 ราย ถือเป็นเที่ยวบินแรกของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจากรัฐบาลไทยประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) เพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่งเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ร่วมให้การต้อนรับด้วย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเช้าวันที่ 25 กันยายน 2566

          โดยเช้าวันที่ 25 กันยายน 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดให้มีพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานใน 4 ท่าอากาศยานหลักด้วยกัน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานภูเก็ต

            นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจดอกแรกในการสร้างรายได้ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก หนึ่งในมาตรการ Quick Win คือ มาตรการเชิงรุกด้านการอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย (Ease of Traveling) ผ่านมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 18 กันยายน 2566 ซึ่งทั้งสองตลาดถือเป็นตลาดศักยภาพและมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการฟื้นฟูภาพรวมการท่องเที่ยวไทย



Thai PM chairs special airport welcome for Chinese and Kazakhstani tourists Events at four of Thailand’s key international airports mark the five-month visa exemption for Chinese and Kazakhstani nationals from 25 September 2023 to 29 February 2024


         Bangkok, 25 September 2023 - Prime Minister H.E. Mr. Srettha Thavisin is presiding over the welcoming ceremony at Suvarnabhumi Airport, one of four key airports holding momentous celebrations to welcome the first groups of tourist arrivals from the People’s Republic of China and Republic of Kazakhstan under the temporary tourist visa exemption scheme, which is effective from today until 29 February, 2024




           Chinese and Kazakhstani travellers arriving in Thailand throughout the five-month period will be granted a temporary visa exemption for a 30-day stay for the purpose of tourism in Thailand. Present along with the Prime Minister and other executives were H.E. Mr. Han Zhiqiang, Ambassador Extraordinary and Plenipotentiary of the People's Republic of China to the Kingdom of Thailand, H.E. Ms. Sudawan Wangsuphakijkosol, Minister of Tourism and Sports, H.E. Mr. Suriya Juangroongruangkit , Minister of Transport of Thailand , Ms. Thapanee Kiatphaibool, Governor of the Tourism Authority of Thailand (TAT), as well as other senior officials and key figures from the public and private sectors


           PM Srettha said “The government has identified tourism as a key driver for revenue generation and job creation to relieve the economy. This reflects the quick-win measures to boost tourism income through the ‘ease of travelling’ policy by revising and facilitating the visa application procedure and exempting the visa fee for tourists from the targetted countries. The visa exemption scheme is initiated for travellers from China and Kazakhstan, as both are considered markets with significant growth potential to revive Thai tourism.”

#AmazingThailand








มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส  ในโครงการส่งเสริ...