วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

สทท. TFOPTA จับมือกรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมพัฒนาศักยภาพแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริกา

สทท. TFOPTA  จับมือกรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมพัฒนาศักยภาพแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ


      นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.), ว่าที่ร้อยตรีเอนก นุรักษ์ ประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายกฤษณ์ จิระมงคล นายกสมาคมผู้ผสมเครื่องดื่มและบริการ  และนายยุพราช วงศ์ดาวกูล ประธานชมรมบาร์เทนเดอร์ภาคตะวันออกประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) "ว่าด้วยการพัฒนาศักยภาพให้แก่กำลังแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ" ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 กรมการท่องเที่ยว ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ  อาคาร B  ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566





            นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) "ว่าด้วยการพัฒนาศักยภาพให้แก่กำลังแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการระหว่างกรมการท่องเที่ยวกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้แก่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สมาคมผู้ผสมเครื่องดื่มและบริการ และชมรมบาร์เทนเดอร์ภาคตะวันออกประเทศไทย ร่วมลงนามในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการให้มีคุณภาพด้านทักษะฝีมือและผลิตภาพให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบกิจการ รองรับการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต




         รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาทักษะในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engines of Growth) และรองรับการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ความร่วมมือครั้งนี้จะบูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้แก่ วิทยากร บุคลากรฝึก อาคารสถานที่ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ วิทยาการ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานและบุคลากรในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานและบุคลากรให้มีทักษะ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ทั้งนี้ให้เป็นไปตามแผนการฝึกอบรมที่แต่ละฝ่ายตกลงร่วมกันตามภารกิจที่เหมาะสม




      
       นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงานได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานรองรับการเปิดประเทศตามนโยบายรัฐบาล โดยนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเตรียมความพร้อมความต้องการแรงงานภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ซึ่งทำให้มีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวและมาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้นับหมื่นล้านบาทในแต่ละปี แต่ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการยังขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะฝีมือ ดังนั้นทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อเตรียมความพร้อมของบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการให้มีสมรรถนะและศักยภาพรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าว




        นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมากรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้มีการอบรมหลักสูตร
บาร์เทนเดอร์ ระยะเวลาการฝึก 30 ชั่วโมง ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท ระยอง เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช กระบี่ ประจวบคีรีขันธ์ และสระบุรี มีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 161 คน โดยการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้ง 6 หน่วยงานจะร่วมกันกำหนดแผนจัดฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ เช่น ผู้ประกอบอาหารไทย บาริสต้ามืออาชีพ บาร์เทนเดอร์ พนักงานบริการอาหารและเครื่องดื่ม เทคนิคการนวด  และภาษาอังกฤษเพี่อการทำงาน เพื่อให้แรงงานมีทักษะฝีมือสอคคล้องกับความต้องการของแรงงาน และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั้งปริมาณและคุณภาพ อีกทั้งร่วมกันส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ จัดส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงานแห่งชาติในสาขาอาชีพต่างๆ เพื่อได้รับค่าจ้างตามมาตวฐานฝีมือ รวมทั้งทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือกำลังแรงงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงาน และจัดแข่งขันฝีมือแรงาน เพื่อให้เป็นบุคลากรมีทักษะฝีมือที่สูงขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับการดำเนินงานของกรมตามโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายดำเนินการ 4,900 คน โดยดำเนินการแล้ว 3,344 คน (ข้อมูล ณ 29 พฤษกาคม 2566)
        สำหรับแรงงานที่สนใจและต้องการเพิ่มศักยภาพของตนเอง สามารถสอบถามได้ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงานและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงานทั่วประเทศ หรือโทรสอบถามข้อมูลสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4




       ด้าน นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ผมได้กล่าวในหลายๆ เวทีว่า  Demand side ไม่ได้มีปัญหา นักท่องเที่ยว 25-30 ล้านคนของปีนี้เป็นไปได้แน่นอน แต่เราเป็นห่วงเรื่อง Supply side ที่เราจะต้องดูแลนักท่องเที่ยวตั้งแต่สนามบินจนกลับถึงบ้านด้วยความประทับใจ ดังนั้น Supply side ต้องเป็นผู้มีทักษะและประสบการณ์ที่ดี ฉะนั้นธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ "คนน้นสำคัญที่สุด" วันนื้กรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือกับ สทท. ให้ สทท. ชี้เป้าว่าบุคลากรด้านไหนที่เรายังขาด มีไม่เพียงพอ เพื่อการผลิตบุคลากรมาแล้ว "ต้องมีงานทำ ไม่เหลือ" นี่คือความกลมกล่อมของการลงนาม MOU ในวันนี้คือการบูรณาการระหว่างรัฐ กรมท่องเที่ยว กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA)
           ส่วน ว่าที่ร้อยตรีเอนก นุรักษ์ ประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) กล่าวว่า วันนี้ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีของสมาพันธ์ฯ ที่ได้ลงนาม MOU ร่วมกันกับกรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สมาคมผู้ผสมเครื่องดื่มและบริการ และชมรมบาร์เทนเดอร์ภาคตะวันออกประเทศไทย ซึ่งผมมองว่าเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของภูมิภาคที่เป็นเจ้าของ Product ของท่องเที่ยวในทั่วประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา หลายคนต่างลืมอาชีพ ดังนั้นมาเพื่อ  Upskill Reskill หรือว่าเสริมสร้างทักษะและประสิทธิภาพให้ดีกว่าเดิม

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ซันคิสท์ ร่วมเป็นพันธมิตรเปิดงาน “World Milk Day วันดื่มนมโลก @ Big C ปีที่ 8"

ซันคิสท์ ร่วมเป็นพันธมิตรเปิดงาน “World Milk Day วันดื่มนมโลก @ Big C ปีที่ 8"

บิ๊กซีสนับสนุนให้คนไทยแข็งแรง มีสุขภาพดี ดื่มนมดีมีคุณภาพ

ซันคิสท์ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ถั่วพิสทาชิโอ และเครื่องดื่มน้ำนมพิสทาชิโอ ภายใต้เครือเฮอริเทจ นำโดย สุริยา มูลศรี ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำประเทศไทย เครือเฮอริเทจ (ขวา) ร่วมเปิดงาน “World Milk Day วันดื่มนมโลก @ Big C ปีที่ 8…บิ๊กซีสนับสนุนให้คนไทยแข็งแรง มีสุขภาพดี ดื่มนมดีมีคุณภาพ” เนื่องในวันดื่มนมโลก วันที่ มิถุนายน ของทุกปี เพื่อกระตุ้นให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดื่มนมคุณภาพและมีประโยชน์ต่อร่างกาย พร้อมร่วมมือส่งต่อนมให้ชุมชนเด็กไทยให้มีการพัฒนาที่ครบถ้วนสมวัย โดยมี อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้กล่าวต้อนรับ ซึ่งภายในงานได้จัดตั้งบูทชวนชิมเครื่องดื่มน้ำนมพิสทาชิโอ แบรนด์ ซันคิสท์ 3 รสชาติยอดฮิต ได้แก่ รสออริจินอล สูตรไม่เติมน้ำตาล และรสช็อกโกแลต  มาคอยมอบความอร่อยและมีประโยชน์ให้แก่ผู้ร่วมทุกท่าน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมาก ณ บริเวณลานกิจกรรม ชั้น บิ๊กซี พระราม ที่ผ่านมา

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ไลฟ์เวฟ ไทยแลนด์ เปิดตัว Aroma Therapy Mist ‘Shine&Dream’ สเปรย์น้ำมันหอมเสริมความสมบูรณ์แผ่นกดจุดสัมผัสทุกห้วงเวล

ไลฟ์เวฟ ไทยแลนด์ เปิดตัว Aroma Therapy Mist ‘Shine&Dream’ 

สเปรย์น้ำมันหอมเสริมความสมบูรณ์แผ่นกดจุดสัมผัสทุกห้วงเวลา


       ยังคงเดินหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่น หลังบริษัทไลฟ์เวฟ ไทยแลนด์ ประกาศความพร้อมที่จะขึ้นแท่น "ท็อปไฟว์" ธุรกิจขายตรงของประเทศไทย ภายในปี 2568 โดยตอกย้ำความสำเร็จผ่านงานฉลองครบ 1 ปี ไลฟ์เวฟ ไทยแลนด์ (1 Year GRAND CELEBRATIONS 2023) ในไตรมาสแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา 


       ล่าสุด คุณศุภราภรณ์ เอสซี เปา (LifeWave Thailand General Manager) General manager ของบริษัท ไลฟ์เวฟ โปรดักส์ (ไทยแลนด์) ได้ Launce Product  เปิดตัวสินค้าใหม่ Aroma Therapy Mist Shine&Dream สเปรย์น้ำมันหอมที่เป็นส่วนเสริมให้ความสมบูรณ์แบบของแผ่นกดจุด โดยสเปรย์น้ำมันหอม Aroma Therapy Mist : “Shine” จะให้กลิ่นที่คุณรู้สึกสดชื่นพร้อมจะเริ่มวันใหม่ เปิดรับความหอมกรุ่นในทุกช่วงเวลา เพราะสเปรย์น้ำมันหอม LifeWave Aroma Therapy Mist  Shine คัดสรรส่วนผสมผสานจากธรรมชาติมาเป็นพิเศษ อาทิ น้ำมันจากขิง (Ginger Oil) และน้ำมันเซจ (Sage Oil) จึงสร้างความสดชื่นกระปรี่กระเป่าให้กับร่างกายเพื่อที่คุณจะมุ่งมั่นตามแบบภารกิจในแต่ละวันของแต่ละปัจเจกชน 

      ขณะที่ สเปรย์น้ำมันหอม Lifewave Aroma Therapy Mist : “Dream” คัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติ อาทิ น้ำมันดอกมะลิ (Jusmin Oil) และลาเวนเดอร์ (Lavender) จะให้กลิ่นที่ทำให้ผ่อนคลาย สงบเหมาะสมกับการนอนหลับพักผ่อนเรียกคืนพลังในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


        คุณศุภราภรณ์ เอสซีเปา General Manager ประจำ ไลฟ์เวฟ ประเทศไทย กล่าวเปิดงานว่า  Aroma Therapy Mist Shine&Dream คือ สเปรย์น้ำมันหอมที่เป็นส่วนเสริมให้ความสมบูรณ์แบบของแผ่นกดจุด ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรด้วยดีมาตลอด ยิ่งเมื่อได้ใช้ร่วมกับสเปรย์น้ำหอม เพียงแค่พ่นสเปรย์และสูดดมในตอนเช้า (Shine) และตอนกลางคืนก่อนนอน (Dream) เพื่อสัมผัสกับความหอมและความรู้สึกดีๆ นำสู่ประสบการณ์ใหม่ ช่วยให้ผู้ที่ได้ใช้จะมีความรู้สึกที่ดีในทุกเช้าและเย็น ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำมันหอม ไลฟ์เวฟ ที่ผลิตขึ้นโดยใช้น้ำที่ผ่านการจัดเรียงโครงสร้างและประจุพลังงานที่เป็นกรรมสิทธิ์ของไลฟ์เวฟ


         โดยบรรยากาศภายในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ Aroma Therapy Mist Shine&Dream ณ SHAN Villas Sukhumvit กรุงเทพฯ ทางบริษัทไลฟ์เวฟ ไทยแลนด์ ได้มีการเรียนเชิญ Brand Partners คนสำคัญ ตั้งแต่ระดับ Directior ขึ้นไป ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมกับการนำเสนอความรู้ของสารหลั่งความสุขทั้ง 4 แบบ ได้แก่ 

1. โดพามีน (Dopamine) ฮอร์โมน “รู้สึกดี” หรือ ฮอร์โมนความสำเร็จ

2. เซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมน “คนพิเศษ” 

3. ออกซิโทซิน (Oxytocin) ฮอร์โมน “สายสัมพันธ์” 

4. เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ฮอร์โมน “บ้าพลัง” 

ผ่านทั้ง 4 กิจกรรมในงาน ท่ามกลางกลิ่นหอมละมุนของผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมโชยกรุ่นเสริมความสมบูรณ์ให้กับแผ่นกดจุด Lifewave


        ก่อนที่จะมีการเปิดตัวหนุ่มฮอต เซยะ โคจิมะ (Seiya Kojima)  นักฟุตบอลรูปหล่อชาวญี่ปุ่น สังกัดทีมสโมสรฟุตบอลบางกอกเอฟซี ในฐานะ Brand Ambassador Lifewave Thailand ขณะที่ Testimonail Dream สเปรย์น้ำมันหอม Aroma Therapy Mist : Shine & Dream ได้รับเกียรติจาก ครูส้ม-นัสสรา หงษ์ร่อน ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและสุขภาพ มาร่วมพูดคุย หลังได้สัมผัสประสบการณ์สเปร์ยน้ำมันหอม Aroma Therapy Mist Shine&Dream


     บริษัทไลฟ์เวฟ ไทยแลนด์ ขอเชิญร่วมสัมผัสกับความหอมอันทรงพลังได้แล้วที่

https://www.facebook.com/LifewaveCorporate.Thailand แล้วมาร่วมเรียนรู้กับผลลัพธ์ ที่ช่วยให้คุณรู้สึกดีในทุกวันไปพร้อมกันรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่ www.lifewave.com Callcenter 02 328-3931



วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ปลดล็อกอนาคตของอุตสาหกรรม “HoReCa” กับงาน THAIFEX – HOREC Asia เปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ พร้อมเผยโฉมเทรนด์ที่น่าจับตามองในประเทศไทย

ปลดล็อกอนาคตของอุตสาหกรรม “HoReCa” กับงาน THAIFEX – HOREC Asia เปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ 

พร้อมเผยโฉมเทรนด์ที่น่าจับตามองในประเทศไทย

       กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หอการค้าไทย (TCC) และ โคโลญเมสเซ่ (Koelnmesse) ผนึกกำลังจัดงานแสดงสินค้าในโปรไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง หรือกลุ่มอุตสาหกรรม HoReCA ภายใต้ชื่อ “THAIFEX – HOREC Asia” ซึ่งพร้อมแล้วสำหรับการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ ในงาน “THAIFEX – Anuga Asia 2023” เพื่อมอบประสบการณ์สุดล้ำ ให้กับแขกรับเชิญ สื่อมวลชน และผู้ประกอบการ โดยมีการจัดโซนจำลองแสดงสินค้าจริง กิจกรรมสาธิตจริง พร้อมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดงานที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2567 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 

        การเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการนี้ที่ “THAIFEX – HOREC Xperiential Zone” ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 1 กรุงเทพฯ โดยมีการนำเสนอโซลูชั่นนวัตกรรมที่ครอบคลุมการจัดแสดงสินค้าทั้ง 9 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเบเกอรี่และไอศกรีม กลุ่มคาเฟ่และบาร์ กลุ่มการทำความสะอาดและซักรีด กลุ่มการรับประทานอาหาร กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มห้องครัว กลุ่มการให้บริการ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มสุขภาพ การันตีการจัดงานที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่าแตกต่าง ไม่เหมือนใคร และเป็นมากกว่าการจัดงานแสดงสินค้า ผ่านการเจาะลึกเทรนด์ล่าสุดของอุตสาหกรรมฯ ที่ให้โอกาสในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ สร้างคู่ค้า ตลอดจนสร้างแนวทางสู่ความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้

      พร้อมเปิดตัวพาร์ตเนอร์ที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมฯ อาทิ  อีเลคโทรลักซ์, โกบอล ฟู้ด โปรดักส์, ยูนิลีเวอร์ และ สก็อตแมน พร้อมด้วยหน่วยงานแนวหน้าของประเทศไทย ได้แก่ เครือเซ็นทารา, กลุ่มดุสิตธานี, โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ, สมาคมเชฟประเทศไทย, สมาคมกาแฟไทย, สมาคมสปาไทย, และ โรงเรียน เดอะ ฟู้ด สคูล เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงาน พร้อมบทบาทในการผลักดันโซลูชั่นที่เข้ามาสนับสนุนธุรกิจภาคบริการ ธุรกิจการบริการด้านสุขภาพ ธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัล ธุรกิจการผลิตโปรตีนทางเลือก และธุรกิจเทคโนโลยีที่ยั่งยืน ซึ่งการเปิดตัวของพาร์ตเนอร์ในงานดังกล่าวถือเป็นการให้เกียรติกับงานเป็นอย่างสูง ที่เน้นย้ำให้เห็นถึงบทบาทอันสำคัญของพาร์ตเนอร์ในการพัฒนาโซลูชั่นและนวัตกรรมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรม HoReCa ทั้งในไทยและต่างประเทศ

       นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า "เราภูมิใจที่จะเปิดตัวงาน THAIFEX – HOREC Asia งานแสดงสินค้าที่จะเข้ามาพลิกโฉมธุรกิจในภาคโรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง อย่างแท้จริง ซึ่งเรามีความเข้าใจในอุตสาหกรรมนี้อย่างดี และมีประสบการณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะความสำเร็จในการจัดแสดงสินค้า THAIFEX – Anuga Asia ที่มีความโดดเด่น ซึ่งถือว่าเรามีกลยุทธ์ที่จะคว้าโอกาสความสำเร็จ ทั้งจากทิศทางแนวโน้มของตลาดที่กำลังเติบโต โดยคาดการณ์มูลค่าของอุตสาหกรรม HoReCa จะเติบโตขึ้นเป็น 2.38 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2571 โดยงานแสดงสินค้าสุดล้ำของเรา มีเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นฟูของเอเชียหลังการแพร่ระบาด และเพื่อเป็นการตอกย้ำประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาค หรือ ฮับของอาเซียน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และภาคบริการ ที่พร้อมสร้างคุณประโยชน์ไปพร้อมกัน”

       นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย (TCC) กล่าวว่า "ที่ผ่านมาการปิดโรงแรมและการปรับลดพนักงานส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตาม งาน THAIFEX – HOREC Asia จะมาเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และกระตุ้นธุรกิจให้กลับมาเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจไทยในอุตสาหกรรมบริการ เช่น สปาและโรงแรม ภายหลังการแพร่ระบาด ธุรกิจไทยจำเป็นต้องเปิดรับนวัตกรรมและปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งกฎข้อบังคับด้านความปลอดภัย และความท้าทายในการปฏิบัติงาน ซึ่งการจัดงานแสดงสินค้าจึงเป็นเวทีสำหรับธุรกิจไทยในการส่งออกสินค้าและการนำเข้า รวมทั้งสตาร์ตอัปไทยที่กำลังมองหาเงินทุน สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ ได้มาสร้างเครือข่ายกับพาร์ตเนอร์ที่สำคัญในงาน ได้มารับข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมฯ ได้มาสำรวจโอกาสในการลงทุน ได้นำสินค้าและบริการของตนมาร่วมกันทำให้ธุรกิจไทยสามารถเรียนรู้ เติบโต และเพิ่มพูนขีดความสามารถ ของสินค้าและบริการได้อย่างไม่สิ้นสุด"

        นอกเหนือจากการจัดแสดงสินค้าทั้ง 9 กลุ่ม ที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมแล้ว สิ่งที่ทำให้งาน THAIFEX – HOREC Asia แตกต่างและมีความล้ำหน้า คือความสามารถและศักยภาพของผู้จัดงานที่สามารถมองเห็นถึงภาพรวมในระดับโลก และหยิบประเด็นเหล่านั้นมาเป็นเทรนด์สำคัญภายในงาน เพื่อประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนมากที่สุด

       นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “THAIFEX – HOREC Xperiential Zone ที่จัดในวันนี้จะยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าชมงานไปสู่อีกขั้น ผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ การรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และการสัมผัสประสบการณ์ร่วมกับ “6 Key Trends” ทั้งการกำหนดรูปแบบอุตสาหกรรม เป้าหมายระยะยาวของงาน THAIFEX – HOREC Asia ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การส่งเสริมความร่วมมือ และรับประกันถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนภายในอุตสาหกรรม HoReCa ซึ่งเรามองเห็นโอกาสในการสร้างงานแสดงสินค้าให้เป็นศูนย์กลางชั้นนำสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมผ่านแนวคิด “การเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่” ความร่วมมืออย่างไร้พรมแดน และความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน เราสามารถขับเคลื่อนอุตสหกรรมในภาคส่วนของ HoReCa ไปสู่ความสำเร็จในระดับที่ก้าวหน้าพร้อมกับกำหนดมาตรฐานใหม่ ๆ สำหรับแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

“6 Key Trends” ที่จะเกิดขึ้นในงาน THAIFEX – HOREC Asia

1. ความยั่งยืน เป็นเทรนด์ที่สำคัญในอุตสาหกรรมโรงแรม จะมีจัดแสดงสินค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์ที่มากด้วยนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะประเทศไทยมีดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง ดีสวัสดิ์, มูนเลอร์, และ สคัลป์เจอร์ ล้วนเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับ

2. ระบบไร้สัมผัส กำลังเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้เข้าพักด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะและโซลูชั่นระบบอัตโนมัติจากบริษัทต่าง ๆ เช่น เอสซีจี (SCG) ที่มอบความสะดวกสบายและมีจุดยืนที่มุ่งเน้นเรื่องนวัตกรรมและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3. การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าพักผ่านระบบดิจิทัล จากการปรับปรุงเทคโนโลยีและการทำงานโดย ไอ-บิวแชมป์ ระบบอัจฉริยะที่เป็นตัวช่วยในการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า ทั้งด้านการจัดการ การปรับปรุงประสิทธิภาพ การทัวร์ชมห้องพักที่ดูได้แบบเสมือนจริง และแอปพลิเคชั่นยังช่วยให้แขกที่เข้าพักได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

4. อาหารทางเลือกจากพืช ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น จากการเกิดขึ้นของสตาร์ตอัปที่สร้างสรรค์อาหารทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาไขมันที่เหมือนสัตว์และการผลิตเนื้อสัตว์ทางเลือก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งด้านรสชาติและรสสัมผัส นอกจากนี้ยังมีแนวทางเพื่อขับเคลื่อนการสร้างสรรค์ชีสจากพืช ต่อไปอีกด้วย  

5. ขยะอาหาร กำลังได้รับการแก้ไขอย่างสร้างสรรค์โดยผู้ผลิตเครื่องดื่ม จะให้ความสำคัญกับการอัปไซเคิลส่วนผสมให้เป็นเครื่องดื่มไร้ขยะที่ยั่งยืน โดยโซลูชั่นนั้นขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) เช่น เอนด์ออฟเวสท์ ที่ช่วยให้โรงแรมสามารถจัดการและยุติของเสียทั้งหมด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลัง และสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน

6. เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน เป็นแนวโน้มที่สำคัญอีกประการหนึ่ง

      โดยผู้จัดแสดงสินค้า อย่าง ชิมบาลี, โฮบาร์ท, และ TNP Group ซึ่งล้วนให้ความสำคัญกับโซลูชั่นที่ให้ความยั่งยืนอันล้ำสมัยสำหรับห้องครัวเชิงพาณิชย์ในธุรกิจโรงแรม และร้านกาแฟ

       นอกเหนือจากเทรนด์เหล่านี้แล้ว ผู้จัดแสดงสินค้ายังตั้งตารอที่จะสนับสนุนโปรแกรมต่าง ๆ ภายในงาน ไม่ว่าจะเป็น

- Asian Bartista Team Championship

- Hosted Buyer Program

- THAIFEX – HOREC Academy 

- THAIFEX – HOREC Innovation Awards

- THAIFEX – HOREC Xperiential Zone

        งาน THAIFEX – HOREC Asia กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย เพื่อดึงดูดแบรนด์ชั้นนำกว่า 300 แบรนด์ และผู้เข้าชมงาน 20,000 รายจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเมืองสำคัญทั่วเอเชียแปซิฟิก

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaifex-horec.asia


THAIFEX – Anuga Asia เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

THAIFEX – Anuga Asia เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม ด้วยยอดผู้จัดแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กว่า 3,000 ราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจและแนวโน้มใหม่ ๆ พร้อมเผยเทรนด์อาหารแห่งอนาคตให้กับผู้เข้าชมงานกว่า 60,000 ราย ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ

     THAIFEX – Anuga Asia 2023 งานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดของภูมิภาคเอเชีย โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หอการค้าไทย (TCC) และโคโลญเมสเซ่ (Koelnmesse) ในฐานะเจ้าภาพและผู้จัดงาน ได้จัดพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน ท่ามกลางแขกวีไอพีจากต่างประเทศ และสื่อมวลชนระดับโลกเข้าร่วมงานอย่างยิ่งใหญ่ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566

      โดยมีกลุ่มผู้จัดแสดงสินค้าที่น่าสนใจจากกว่า 40 ประเทศ เข้าร่วมงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า งานนี้เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับการเจรจาธุรกิจที่รวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มภายในภูมิภาคฯ ครอบคลุมพื้นที่จัดแสดงสินค้าทั้งสิ้น 130,000 ตารางเมตร ทั้งหมด 11 ฮอลล์ คาดว่าสามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน ผู้ซื้อ และผู้มีอำนาจตัดสินใจมากกว่า 60,000 รายจาก 140 ประเทศทั่วโลก ครบจบภายในงานเดียว

        THAIFEX – Anuga Asia ถือเป็นประตูการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ ในการกระตุ้นทั้งผู้จัดแสดงสินค้า แบรนด์ต่างๆ จากระดับนานาชาติ อาทิ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ฮังการี ศรีลังกา และสหราชอาณาจักร ที่มาร่วมจัดแสดงสินค้าครั้งแรก เพื่อปลดล็อคโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมโอกาสอันมีค่ากับผู้ซื้อ และส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อความมั่งคั่งในภูมิภาคนี้ต่อไป

      งานแสดงสินค้าครั้งยิ่งใหญ่ ในเดือนพฤษภาคมนี้ คาดมีเงินสะพัดในงาน 70,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยการจัดแสดงสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ทั้ง 11 โปรไฟล์ 11 เทรนด์ และกิจกรรมพิเศษอีก 6 รายการ โดยทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อกำหนดจุดยืนของงาน ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางวิทยาการ นวัตกรรม และเทคโนโลยีด้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยผู้เข้าร่วมงานจะได้ทั้งประสบการณ์ ข้อมูลเชิงลึก และประโยชน์ตามความมุ่งหวังเกี่ยวกับความก้าวหน้า และอนาคตของภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

         นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า “งาน THAIFEX – Anuga Asia เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้จัดงานครั้งที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี GDP อยู่ที่ 495 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 และภาคการผลิตอาหารและการเกษตรของเราก็มีส่วนสำคัญในการจัดแสดงสินค้าฯ ซึ่ง THAIFEX – Anuga Asia มีการจัดงานมาอย่างยาวนานในไทย ทั้งการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพสูง และเป็นประตูสู่ผู้ประกอบการในเวทีการค้าระดับโลก ในขณะเดียวกันเรายังใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการจัดงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ในครั้งนี้ ได้รวบรวมผู้จัดแสดงสินค้ามากกว่า 3,000 ราย ทั้งผู้แสดงสินค้าไทยและต่างประเทศ ด้วยแนวคิดและการเริ่มต้นที่ดี ของงาน THAIFEX – Anuga Asia ทำให้เรามีความมั่นใจ สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในการกำหนดอนาคต ความมั่นคงด้านอาหารในระดับโลก และสามารถขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของไทยในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น"

        THAIFEX – Anuga Asia ยังทำหน้าที่เป็นเวทีสำคัญที่ฉายภาพให้เห็นถึงแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย และด้วยทิศทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของอุตสาหกรรม ทำให้มีโอกาสในการค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มเติม

        นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย (TCC) กล่าวว่า “THAIFEX – Anuga Asia มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นในประเทศไทย และยังเป็นเวทีแสดงนวัตกรรมที่โดดเด่นและสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแก่ผู้ซื้อจากต่างประเทศ โดยในปีนี้มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมแสดงสินค้ามากกว่า 1,100 ราย การจัดงานนี้จึงนับเป็นเวทีที่สำคัญในการสร้างชื่อเสียงของผู้มีความสามารถในประเทศของเรา และสามารถที่จะเชื่อมโยงการค้าในเวทีการค้าระดับโลก ตลอดจนการผนึกกำลังระหว่างธุรกิจในท้องถิ่นและผู้ซื้อจากต่างประเทศเป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของ THAIFEX - Anuga Asia ในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งเสริมนวัตกรรม และเสริมสร้างสถานะของประเทศไทยในตลาดโลก" 

DITP, TCC และโคโลญเมสเซ่ มีบทบาทสำคัญในการดูแล การบริหารจัดการ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการจัดงานแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องถึง 19 ครั้ง โดยในแต่ละปีก็เห็นถึงการพัฒนาและความเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน 

    นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า "เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในการเฉลิมฉลองการเปิดงาน THAIFEX – Anuga Asia อย่างเป็นทางการ ครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ของเราในการทำหน้าที่ ทั้งการจัดแสดงสินค้า เป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวก การเชื่อมต่อการค้าร่วมกันระหว่างผู้จัดแสดงสินค้า แบรนด์ และสินค้าระหว่างประเทศ กับผู้ซื้อจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่หยุดนิ่ง และเวทีนี้มีส่วนส่งเสริมความร่วมมือ เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในการขับเคลื่อนความสำเร็จในตลาดที่กำลังเฟื่องฟูนี้"

“ในปีนี้ เราได้ผลตอบรับเกินความคาดหมายด้วยการจัดกลุ่มผู้แสดงสินค้าที่น่าประทับใจจำนวน 1,925 รายจาก 43 ประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปีที่แล้ว และในบรรดาผู้จัดแสดงสินค้าเหล่านี้ ล้วนเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับรางวัลซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ โดยมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนเกมการดำเนินธุรกิจ ซึ่งล้วนมีวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารให้เป็นไปตามเทรนด์และการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ซึ่งเรากำลังร่วมกันผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหาร และยิ่งไปกว่านั้น ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืนทำให้มั่นใจได้ว่าเรากำลังกำหนดอนาคตของแนวการปฏิบัติที่ไปสู่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมและความมั่นคงด้านอาหาร” นายแมธเธียส คูเปอร์ กล่าวเสริม 

     พบไฮไลต์ห้ามพลาดในงาน THAIFEX – Anuga Asia 2023 ไม่ว่าจะเป็น THAIFEX – Anuga tasteInnovation Show Winners นำเสนอสุดยอดสินค้าและโซลูชั่นระดับเอเชีย อีกทั้งเปิดตัวผู้ชนะรางวัลฯ โดยกิจกรรมพิเศษนี้ยังมาพร้อมกับข่าวสารล่าสุดในอุตสาหกรรมอาหารที่จะมาร่วมอัปเดตกันภายในงาน จากการคัดเลือกผลงานมากมาย เราได้ผู้ชนะทั้งหมด 11 ราย และผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้งสิ้น 50 ราย อาทิ

- KAPP·POPP Thai Microwave pork crackle โดย Hesco Solution Co., Ltd.

- Chickpea rice โดย Eatvolution Co., Ltd.

- CP FI-IT Sausage โดย CPF (Thailand) Public Co., Ltd.

สามารถดูรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดได้ที่นี่ คลิ๊ก World Coffee Tasting: Origin Coffee - Hall 1 รายได้จากกลุ่มธุรกิจกาแฟราว 142 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 ตลาดคาดการณ์การเติบโตโดยฉลี่ย อยู่ที่ร้อยละ 5.52 (CAGR 2566-2568) โดยงาน THAIFEX – Anuga Asia มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมกาแฟและชาของภูมิภาคเอเชีย ผ่านการนำเสนอเวทีระดับนานาชาติเพื่อรวบรวมผู้ประกอบการและผู้จัดแสดงสินค้ามาพบปะและเจรจากันในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจ ห้ามพลาด! ลิ้มรสจากประเทศบราซิล กัวเตมาลา เคนย่า และประเทศไทย ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 1

     Future Food Experience+ - Hall 5 ปลดล็อกศักยภาพของนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มในยุคใหม่! ห้ามพลาดกับสิทธิ์ในการเข้าร่วมรับฟังสัมมนา แชร์ประสบการณ์ เจาะลึกเทรนด์ในอุตสาหกรรมฯ โดยไฮไลต์ภายในกิจกรรมพิเศษนี้ประกอบด้วย

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม

เวลา 11.00 - 11.30 น. Supporting Mental Health through Food and Drink วิทยากร: Miss Rashmika Khanijou Research Analyst, Food&Drink, Thailand, Mintel

เวลา 12.30 – 13.15 น. Future Food is Here วิทยากร: Mr. Santi Abakaz, CEO/Co-Founder TASTEBUD LAB

เวลา 14.30 - 15.15 น. Where is the Future of Future Food วิทยากร: Tony Hunter, A Global Food Futurist Speaker, Mr. Apirak Kosayodhin, Chairman & CEO of V Foods (Thailand), Mr. Gerben Kamps, Global Business Development for Alternative Protein Business Unit, Thai Union และ Dr. Akamol Klaikherd AVP, Group TSTD

เวลา 15.30 - 16.30 น. การเปิดและต้อนรับเข้าสู่โปรแกรม “Future Food Experience and Delegation Tour” นำโดย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย (TCC)

สามารถติดตามโปรแกรมทั้งหมดได้ที่นี่ คลิ๊ก

THAIFEX – HOREC Xperiential Zone - Hall 1

      ผู้เข้าร่วมงานจะก้าวเข้าสู่โลกแห่ง “HoReCa” ผ่านความท้าทายที่ต้องเผชิญในอุตสาหกรรมบริการในปัจจุบัน ที่นี่ “THAIFEX – HOREC Xperiential Zone” ผู้เข้าร่วมงานจะได้พบปะกับผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรม HoReCa ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดตัวโซนใหม่ครั้งนี้ อีกทั้งได้สัมผัสประสบการณ์จริง จากทั้งสินค้าสุดยอดนวัตกรรม และมากด้วยเทคโนโลยีที่มาจัดแสดง ตลอดจนการสาธิตการทำอาหารสุดพรีเมี่ยมโดยเชฟชั้นนำระดับโลก

       ร่วมสำรวจไปกับการจัดแสดงสินค้า 9 โปรไฟล์ ได้แก่ กลุ่มเบเกอรี่และไอศกรีม, กลุ่มคาเฟ่และบาร์, กลุ่มการทำความสะอาดและซักรี, กลุ่มการรับประทานอาหาร, กลุ่มเฟอร์นิเจอร์, กลุ่มห้องครัว, กลุ่มการให้บริการ, กลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มสุขภาพ

       และอีก 6 เทรนด์ที่กำลังเป็นกระแสในโลกปัจจุบัน ได้แก่ ความยั่งยืน, ระบบไร้สัมผัส, การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าพักผ่านระบบดิจิทัล, อาหารทางเลือกจากพืช, ขยะอาหาร, เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน 

      นอกจากกิจกรรมพิเศษใหม่ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังจะได้เห็นการกลับมาของกิจกรรมยอดนิยม และประสบความสำเร็จอย่าง THAIFEX – Anuga Future Food Market นำเสนอนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นประเด็นน่าจับตามองในปัจจุบัน อาทิ ผลิตภัณฑ์ทางเลือก ผลิตภัณฑ์ยั่งยืน วิทยาการด้านสารอาหาร และกระบวนการปรับปรุงเทคโนโลยี โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าชมสินค้าที่ถูกจัดแสดง เสมือนเข้าจับจ่ายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง เพื่อศึกษาและเรียนรู้การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในอนาคต

Thailand Ultimate Chef Challenge (TUCC) วันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ฮอลล์ 12 เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ครั้งที่ 9 กับการแข่งขันทำอาหารที่ได้รับการยกย่องในเอเชีย เป็นการแข่งขันระหว่างเชฟมืออาชีพ มากถึง 600 ท่าน 21 กลุ่ม หนึ่งในนั้นคือ ธีม “Plant-Based” ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 ท่าน โดยผ่านการอนุมัติจาก World Associations of Chefs’ Societies (WACS) โดยผู้ชนะจะได้รับการเชิดชูในหมวดหมู่เหล่านี้

Best Ultimate Establishment

Best Ultimate Asian Gourmet Challenge

Best Ultimate Asian Chef

Best Ultimate Professional Chef

         THAIFEX – Anuga Asia 2023 จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) หอการค้าไทย (TCC) และโคโลญเมสเซ่ (Koelnmesse) สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://thaifex-anuga.com 


วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

USDA เปิดตัวสมาพันธ์ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรชนพื้นเมืองอเมริกันครั้งแรกที่ไทย ในงาน ‘Thaifex Anuga Asia’ มหกรรมงานแสดงสินค้าอาหารที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในเอเชีย

USDA เปิดตัวสมาพันธ์ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรชนพื้นเมืองอเมริกันครั้งแรกที่ไทย

ในงาน ‘Thaifex Anuga Asia’ มหกรรมงานแสดงสินค้าอาหารที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในเอเชีย

       นางเกว็นโดลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดตัว ‘Intertribal Agriculture Council’ ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจัดโดยสำนักงานทูตเกษตร สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย (USDA) และสมาพันธ์ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรชนพื้นเมืองอเมริกัน ในงาน ‘Thaifex Anuga Asia’ มหกรรมงานแสดงสินค้าของเกษตรกรชนพื้นเมืองอเมริกันและใหญ่ที่สุดในเอเชีย ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566  ณ บูธ IAC ฮอลล์ 8 อิมแพคเมืองทองธานี โดยมี Ms. Britni Beck, Associate Director of American Indian Foods, Mr. Nathan Kotch, Mr. Jaycob, Mr. Nicole Wabaunsee และ Chef Ben Jacobs, Native American Great Chef ให้เกียรติร่วมงานในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 

     นางเกว็นโดลิน คาร์ดโน อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า สำนักงานทูตเกษตร สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย จัดงานเปิดตัว ‘Intertribal Agriculture Council’ สมาพันธ์ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรชนพื้นเมืองอเมริกันสู่ตลาดโลกครั้งแรกที่ประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในงาน ‘Thaifex Anuga Asia’

      มหกรรมงานแสดงสินค้าเกษตรของชนพื้นเมืองอเมริกัน  ‘Intertribal Agriculture Council’ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นฮับหรือศูนย์กลางการเปิดตลาดสินค้าของชนพื้นเมืองอเมริกันในประเทศต่าง  ๆ แถบภูมิภาคเอเซีย โดยเฉพาะเป้าหมายหลักคือประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพและความพร้อมต่อการตอบรับสินค้าชนพื้นเมืองอเมริกัน ซึ่งจะเห็นว่าทั้งสองประเทศมีวัฒนธรรม ขนบธรรเนียมประเพณีด้านอาหารเรื่องราวอารยวัฒนธรรมอันยาวนานเหมือนกัน อีกทั้งยังธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพตั้งแต่ขั้นตอนแรก การเลือกพื้นที่ความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งผลิต การดำรงไว้ซึ่งวิถีการเกษตรแบบดั้งเดิมในการเพาะปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว การใส่ใจทุกขั้นตอนที่ปราศจากสารเคมี เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพ สะอาดและปลอดภัยต่อผู้บริโภค 

       สมาพันธ์ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรชนพื้นเมืองอเมริกัน เป็นองค์กรที่ดำเนินการด้านเครื่องหมายรับรองคุณภาพสินค้าชนพื้นเมืองอเมริกันและอาหารอเมริกันอินเดียน โดยให้การรับรองและประกันคุณภาพผ่านเครื่องหมายการค้า Made/Produced by American Indians ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ทางรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาและชุมชนหมู่บ้านอลาสก้าดั้งเดิม ให้การยอมรับสนับสนุนการเกษตรของชนพื้นเมืองอเมริกันที่มีการเพาะปลูกพืชต่างๆ การปศุสัตว์ การจับปลา โดยเฉพาะด้านการประมงในรัฐอลาสก้า การเพาะปลูกข้าว Wild Rice ในรัฐมินนิโซต้า หรือเนื้อไบซัน ที่เป็นที่นิยมในอเมริกา ตลอดจนผลิตภัณฑ์การเกษตรดั้งเดิม เช่น น้ำผึ้งป่า น้ำมันมะกอกป่า ชายูพอน (Yopun Tea) ชาสายสุขภาพที่มาแรงติดเทรนด์อาหารโลก และยังมีสินค้าอื่นๆ ให้เลือกสรร

      ด้าน Ms. Britni Beck, Associate Director of American Indian Foods กล่าวเสริมว่า สินค้าเกษตรจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับการยอมรับว่า เป็นสินค้าที่มีคุณภาพมีความหลากหลาย เป็นที่ต้องการจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันสินค้าเกษตรจากชนพื้นเมืองอเมริกันได้มีการพัฒนา ต่อความพร้อมอย่างยิ่งในการส่งออก ที่เน้นการผลิตและการเก็บเกี่ยวแบบพื้นเมือง ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น ส่งทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงรุ่นปัจจุบัน เพื่อให้คงไว้ซึ่งคุณภาพดั้งเดิม อีกสิ่งที่สำคัญคือการยึดหลักไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และแบบแผนขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเผ่าต่าง ๆ ด้วยวิธีการเพาะปลูกแบบดั้งเดิม ใช้พื้นที่การเพาะปลูกที่สืบทอดมรดกมาจากบรรพบุรุษ

“สินค้าที่นำมาจัดแสดงภายในงานแต่ละสินค้าจะมีความแตกต่าง มีจุดเด่นและจุดขายที่แตกต่างจากสินค้าทั่วไป เพราะใช้วิธีการผลิตการเพาะปลูก ตลอดจนการเก็บเกี่ยวที่เน้นในเรื่องของความยั่งยืนแบบวิถีธรรมชาติ อันคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณี และความดั้งเดิมใส่ใจในทุกขั้นตอน การเพาะปลูกที่ได้รับถ่ายทอดเรียนรู้จากพ่อแม่ส่งต่อไปยังลูกหลาน มุ่งเน้นคุณค่าของสารอาหารและมาตรฐานความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ด้วยการเพาะปลูกแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง อีกทั้งเกษตรกรต้องเป็นสมาชิกขององค์กรและสืบเชื้อสายมาจากชนพื้นเมืองเท่านั้น”

      เชฟเบน จาคอบส์ สมาชิกชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน “โอเสจเนชั่น” (Osage Nation) ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันออก เฉียงเหนือของรัฐโอคลาโฮมา เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งร้านอาหาร โทคาเบ้ (Tocabe) ร้านอาหารอเมริกันอินเดียน ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เป็นร้านแรกและร้านเดียวที่ดำเนินกิจการโดยชาวอเมริกันอินเดียน ที่มีส่วนร่วมในการจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า เรื่องราวของวัฒนธรรมพื้นเมืองผ่านอาหารที่ใช้วัตถุดิบและสูตรต้นตำรับของชาวอเมริกันอินเดียนแท้ๆ รวมไปถึง ตลาดโทคาเบ้ ตลาดขายวัตถุดิบพื้นเมือง และแหล่งข้อมูลออนไลน์ ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบและอาหารอเมริกันอินเดียน เพื่อสนับสนุนชาวบ้านและการพัฒนาการผลิตอาหารพื้นเมือง

“ตลอดชีวิตที่คลุกคลีอยู่กับอาหารโอเสจ เชฟเบนได้ถ่ายทอดวามรู้ด้านการทำอาหารในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาในฐานะเชฟมืออาชีพและเจ้าของร้านอาหาร โดยเดินทางไปยังชุมชนเผ่าต่าง ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบพื้นเมือง วิธีการปรุงอาหาร และเทคนิคแบบดั้งเดิม เพื่อแบ่งปันเรื่องราวและถ่ายทอดภูมิปัญญาการทำอาหารพื้นเมือง และวัฒนธรรมของชาวอเมริกันอินเดียนไปทั่วโลก”

      การจัดงานในครั้งนี้ ได้นำสินค้าที่ผลิตโดยชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันจากทุกรัฐ มาจัดแสดง เพื่อตอกย้ำด้านคุณภาพการผลิตแบบวิถีดั้งเดิมธรรมชาติ ผลผลิตปลอดภัยต่อสุขภาพผู้บริโภค ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานรับรองโดยสมาพันธ์ส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรชนพื้นเมืองอเมริกัน ซึ่งมีความพร้อมต่อการส่งออก ผลิตภัณฑ์สินค้าและอาหารเกษตรที่เป็นผลผลิตโดยชนพื้นเมืองอเมริกันนำมาจัดแสดงภายในงาน ‘Thaifex Anuga Asia’ ครั้งนี้ อาทิ Alaskan Native Seafood, Wild Salmon, Sheefish, Cod Fish, Ikura (ไข่ปลาแซลมอน), Wild Rice, Pinto Bean/ Tepary Bean, Yaupon Tea, Salt, Syrup, Honey, Balsamic and Olive Oil, Sauce และ Corn Meal/ Pancake Mix

       สำหรับผู้ที่สนใจสินค้าที่ผลิตโดยชนพื้นเมืองอเมริกันภายในงาน ‘Thaifex Anuga Asia’ สามารถติดต่อเจรจาธุรกิจทั้งผู้นำเข้าและผู้ค้าปลีกสินค้า สอบถามรายละเอียดได้ที่ Intertribal Agriculture Council – THAILAND คุณชญาดา อังกุวรกุล หมายเลขโทรศัพท์ 091-556-4642



มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส  ในโครงการส่งเสริ...