สวิตต์ ไดมอนด์” ชูหน้ากากอนามัย KN95 แบรนด์ “TarMonud” (ตาโมนุต)
พร้อมส่งมอบ mask 3 ชั้น คุณภาพ KN95 ให้แก่ “มูลนิธิเมาไม่ขับ” 15,000 ชิ้น เพื่อแจกจ่ายสู่เครือข่ายและประชาชน
คุณภัคนภัสส์
จันทร์เพียร ประธานบริหาร คุณยวนใจ วาทยะกร กรรมการผู้จัดการ
และนายสุเฑพ ศิลปงาม ประธานที่ปรึกษา บริษัท สวิตต์ไดมอนด์ จำกัด จึงได้จัดงาน
“พิสูจน์ทราบ
หน้ากากอนามัย และศิลปะบนหน้ากาก” โดยมีการชำแหละ
ผ่าหน้ากากอนามัยให้เห็นกันแบบเต็มตา
เพื่อพิสูจน์ทราบว่า....หน้ากากอนามัยที่มีมาตรฐานสากลนั้นมีลักษณะและคุณสมบัติอย่างไรในการป้องกันเชื้อโรค
โดยมี นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ, สายเซียร์
ดาราเข้าบทบาท ที่โด่งดังจากสโลแกนที่ว่า “จน เครียด กินเหล้า”, เนติภูมิ
มิ่งรุจิราลัย (ดีเจน๊อบ),
ว่าที่ รต.ธนัท ชัชวาลย์ และ ปริศญา คูหามุข
(แมงปอ AF) มาร่วมเป็นสักขีพยาน
ณ วิเศษไก่ย่าง บางโพ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563
พร้อมทั้งเปิดตัวหน้ากากอนามัย แบรนด์ “Tar-Mo-nud” (ตาโมนุต
แปลว่า แสงสว่าง) ที่ได้มาตรฐาน เคเอ็น 95 (KN 95) ) ผ่านการรับรองมาตรฐาน GB2626-2006
โดยมี ปู พันหน้า ผู้แต่งเพลงและร้อง "ตาโมนุต" และสายเซียร์
ดาราเจ้าบทบาทร่วมเล่นติ๊กต๊อก และยังมีกิจกรรม
การบันทึกศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยลงบนหน้ากากอนามัย ด้วยสีที่ใช้ทำลงในภาชนะ
เช่น จานอาหาร มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ เพื่อความสวยงามอย่างมีศิลปะอีกด้วย
ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ บริษัท สวิตต์ไดมอนด์
จำกัด ยังได้มอบหน้ากากอนามัย “Tar-Mo-nud” (ตาโมนุต) ที่ได้มาตรฐาน เคเอ็น 95 (KN 95)
) ผ่านการรับรองมาตรฐาน GB2626-2006
จำนวน 15,000 ชิ้นให้แก่มูลนิธิเมาไม่ขับ
โดยมี นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เป็นผู้รับมอบ
เพื่อนำไปแจกจ่ายเป็นสาธารณกุศลต่อไปยังประชาชนคนไทยที่ขาดแคลนทั่วไป
เพื่อไว้ใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันต่อไป
และที่สำคัญ บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการในลักษณะการช่วยเหลือสังคมเช่นนี้
โดยเฉพาะสำหรับองค์กรที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับประชาชนผู้ยากไร้ที่ยังขาดอุปกรณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป
คุณภัคนภัสส์
จันทร์เพียร ประธานบริหาร บริษัท สวิตต์ไดมอนด์ จำกัด
กล่าวว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงต้นปี
2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เผชิญกับภัยคุกคามจากการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19
และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่งผลให้หน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของคนไทย ความต้องการหน้ากากอนามัยในประเทศไทยก็มีแต่จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น
จนทำให้เกิดภาวะหน้ากากอนามัยขาดแคลน
ส่งผลกระทบอย่างมากกลับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นทัพหน้าในการต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายนี้
จากการขาดแคลนหน้ากากอนามัยนี้เอง
ดิฉัน (คุณภัคนภัสส์ จันทร์เพียร)
จึงเกิดปณิธานที่อยากจะช่วยเหลือกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของไทยที่เสียสละในการรักษาและป้องกันโรคไวรัสโควิด-19
ให้ได้มีหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพใช้งานอย่างเพียงพอ
จึงได้ไปปรึกษากับคุณยวนใจ วาทยะกร หนึ่งในเพื่อนสนิท
เพื่อหาทางช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ ในตอนแรกทั้ง 2
คนตกลงที่จะนำเข้าหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศเข้ามา
และบริจาคให้แก่โรงพยาบาลหรือหน่วยงานต่างๆ
แต่กลับพบว่าหน้ากากอนามัยที่นำเข้ามาค่อนข้างมีราคาสูงกว่าความเป็นจริง
รวมไปถึงมีคุณภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการแพทย์และสาธารณสุข
จึงได้ปรึกษาหารือกันเพื่อหาวิธีการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย
คุณยวนใจจึงเสนอขึ้นมาว่า “ในเมื่อนำหน้ากากอนามัยเข้ามาไม่ได้
ก็ตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเองเลยแล้วกัน” จึงได้เกิด “บริษัท สวิตต์ไดมอนด์ จำกัด”
ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานสากล
และนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ทั้งสิ้น และเป็นทั้งกองหนุนและกองเชียร์ให้แก่ผู้ที่ประสบกับปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย
และมุ่งมั่นทำตามปณิธานต่อไป โดยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า
การแบ่งปันจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟันฝ่าวิกฤตไวรัส COVID-19 ของประเทศไทย แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี
และเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน จึงทำให้เกิดงาน “พิสูจน์ทราบ
หน้ากากอนามัย และศิลปะบนหน้ากาก” วันนี้ขึ้น
เพื่อจะได้ทราบว่าหน้ากากอนามัยที่มีมาตราฐานและมีคุณสมบัติในการป้องกันนั้นเป็นอย่างไร
จะได้เลือกใช้หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพมาราฐานและสามารถป้องกันโรคได้จริง
ด้าน นายธีร์ธวัช เขื่อนเพชร ผู้อำนวยการฝ่ายการผลิต บริษัท สวิตต์ ไดมอนด์ จำกัด เปิดเผยถึงมาตรฐานหน้ากากอนามัยที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน ประกอบด้วย 1. มาตรฐาน N95 จากอเมริกา 2. มาตรฐาน EN (FFP2) จากยุโรป 3. มาตรฐาน KN95 จากจีน 4. มาตรฐาน AS/NZS (P2) จากออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ 5. มาตรฐาน KMOEL จากเกาหลี และ 6. มาตรฐาน JMHLW (DS2) จากญี่ปุ่น ดังนั้นจะเห็นได้ว่า KN95 เป็นมาตรฐานหน้ากากอนามัยในระดับเดียวกับ N95 ที่คนไทยคุ้นหูกันดี
1.หน้ากากอนามัย KN95
ซึ่งเป็นหน้ากากอนามัยมาตรฐาน GB ของจีน
ที่อยู่ในระดับเดียวกับ N95
ที่เป็น
มาตรฐานของอเมริกา ประกอบด้วยวัสดุป้องกันถึง 4
ชั้นด้วยกัน คือ
ชั้นที่ 1
Spunbond nonworen fabric เป็นที่นิยมนำไปใช้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์
และสินค้าเกี่ยวกับสุขอนามัย มีคุณสมบัติ ยืดหยุ่นง่าย ไม่ดูดซึมน้ำ
ไม่มีฝุ่นละออง ไม่มีสารพิษ ปลอดเชื้อแบคทีเรีย โดยมีการค้นคว้าว่าเชื้อโรคไม่สามารถเติบโตในผ้านี้ได้แล้ว
ผ้าชนิดนี้ยังแข็งแรง ทนทาน ฉีกขาดยาก
รับน้ำหนักดี ไม่ยับง่าย ย่อยสลายทางธรรมชาติได้เร็ว สะอาดปลอดภัย
ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อราและแบคทีเรีย
ชั้นที่ 2 Hot air cotton non woren fabric มีคุณสมบัติอ่อนนุ่ม
ยืดหยุ่นดี มีการดูดซับความชื้นที่ดี และมีการถ่ายเทอากาศที่ดี
ทนต่อกรดและด่างได้ดี ไม่มีพิษ ไม่มีผลข้างเคียงทางสารเคมี ติดไฟยาก
เมื่อโดนความร้อนไม่หลอมละลายเป็นของเหลว
ชั้นที่ 3 Melt blown non woren fabric มีคุณสมบัติอ่อนหนุ่ม
ยืดหยุ่น ทนต่อสารเคมี และยังกระจายของเหลวบนพื้นผิวได้ดี ของเหลวซึมผ่านได้ยาก
เป็นชั้นตัวกรองที่ดี
ชั้นที่ 4 Spunbond non woren hydrophilic คุณสมบัติคล้ายผ้าชิ้นที่
1
แต่ดูดซับของเหลวและความชื้นได้ แต่ต้องคงคุณสมบัติของผ้าชั้นที่1
และรูปแบบดั้งเดิมไว้
2. หน้ากากอนามัยเยื่อกระดาษ 3
ชั้น หน้ากากอนามัยเยื่อกระดาษ 3
ชั้น หรือ Surgical Face
Mask ของ TarMOnud เป็นหน้ากากอนามัย 3
ชั้น ทางการแพทย์ ถูกผลิตจากเยื่อกระดาษและตัวกรองที่มีคุณภาพทำให้ คุณสมบัติ
สามารถกรองอนุภาคหรือเชื้อโรคขนาด 3
ไมครอน ที่แพร่กระจายผ่านการไอหรือการจาม เช่นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา
เชื้อไวรัสบางชนิดได้
ดังนั้น
จึงมั่นใจได้ว่า “TarMOnud”
คือหน้ากากอนามัยที่มีมาตรฐานในการป้องกันที่มีประสิทธิภาพทุกชิ้น
ขณะที่นายสุเฑพ ศิลปงาม ปรธานที่ปรึกษา
บริษัท สวิตต์ ไดมอนด์ จำกัด
กล่าวถึงสถานการณ์การผลิตหน้ากากอนามัยของประเทศไทยในขณะนี้ว่า
ไม่อยู่ในภาวะขาดแคลนแล้ว โดยทั้งจากการควบคุมของรัฐด้วยมาตรการเข้ม
การเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานผลิตที่มีอยู่ต่างๆ กว่า 11 ราย
และการตั้งโรงงานผลิตขึ้นใหม่เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม
ความต้องการหน้ากากอนามัยเชื่อว่า จะยังคงอยู่ในความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในตลาดโลกและตลาดในประเทศไทย เพราะแม้สถานการณ์ COVID-19
จะคลี่คลายลงได้ในช่วงต่อไป แต่ปัญหามลพิษทางอากาศ กระแสรักษ์สุขภาพ
และแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยด้านระบบทางเดินหายใจที่มีมากขึ้น
จะเป็นปัจจัยสนับสนุนความต้องการหน้ากากอนามัยของไทยและตลาดโลกในอนาคต
ขณะที่ประเทศไทย มลพิษจากฝุ่นละออง PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ทั้งในกรุงเทพฯ และหมอกควันไฟป่าทั้งในประเทศและข้ามประเทศในภาคเหนือและภาคใต้
จึงเป็นปัจจัยส่งเสริมสำคัญที่จะทำให้ตลาดหน้ากากอนามัยมีโอกาสเติบโตได้อีก
“ผมเห็นว่า
เมื่อสถานการณ์โลกมีแนวโน้มเป็นไปอย่างนี้ และภายในประเทศก็ไม่ขาดแคลนแล้ว
รัฐควรยกเลิกห้ามการส่งออกได้แล้ว พร้อมหันมาสนับสนุนให้เอกชนไทยส่งออกหน้ากากอนามัยสู่ตลาดโลกมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นเวียดนาม
ตอนนี้รัฐบาลเขาหันมาผลักดันให้ผู้ประกอบการเวียดนามเป็นผู้ส่งออกผ้าและหน้ากากอนามัยรายใหญ่ของโลก
โดยนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกหน้ากากอนามัยได้โดยไม่จำกัดปริมาณ
ส่งผลให้หลายบริษัทได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรผลิตหน้ากากอนามัยและชุดป้องกันเชื้อโรคเพื่อส่งออก
ซึ่งจะมีส่วนส่งเสริมให้เวียดนามกลายเป็นผู้ส่งออกหน้ากากอนามัยรายใหญ่ของโลก
โดยมีคู่แข่งสำคัญคือ จีนและไต้หวัน ”
โดยเฉพาะทักษะแรงงานไทยมีความละเอียดอ่อนและดีกว่า
ก็จะทำให้หน้ากากอนามัยของไทยมีคุณภาพ สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
รวมทั้งการส่งออกจะช่วยให้ผู้ผลิตไทยหันมาเอาใจใส่ต่อคุณภาพของหน้ากากอนามัยมากขึ้นด้วย
ส่วนหากกลัวเมื่อเปิดการส่งออกแล้วจะทำให้เกิดการขาดแคลนในตลาดนั้น
รัฐสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ได้ เช่น การคงสต็อกสินค้า
หรือเงื่อนไขเพดานการส่งออกที่มีสัดส่วนกับกำลังการผลิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น