เที่ยวสานฝัน...ปันสุข...สุดสนุก จังหวัดพัทลุง-นครศรีรรมราช
ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA)
ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชนเพื่อการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม (ศปสท.) โดยนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครศรีธรรมราช จัดโครงการ “เที่ยวสานฝัน...ปันสุข...สุดสนุก จังหวัดพัทลุง-นครศรีธรรมราช” นำนักท่องเที่ยว 120 คน เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดพัทลุงและนครศรีธรรมราช ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) โดยมีบริษัทเมืองไทย ครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการ และมี พ.ต.อ.ชัชพิสิฐ นคราวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดพัทลุงมาอำนวยความสะดวกในด้านการจราจรระหว่างเดินทาง
พวกเรานัดพบกันที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเวลาบ่าย
โดยมีการตรวจวัดอุณหภูมิและฉีดแอลกอฮอล์ให้แก่นักท่องเที่ยวทุกท่านตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
(SHA) และชี้แจงการท่องเที่ยวรูปแบบ New
Normal เมื่อมาพร้อมกันแล้ว คุณยุพา ปานรอด
ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม ททท. ตัวแทนนางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เป็นประธานเปิดโครงการและกล่าวทักทายนักท่องเที่ยว จนถึงเวลา 14.45 น.
ก็ได้เวลารถไฟออก เสียงหวูดรถไฟดัง ปรู๊น....ปรู๊น ล้อเหล็กเลื่อนบดรางกระฉึกกระฉัก
มุ่งหน้าสู่จังหวัดพัทลุง
เมื่อไปถึงจังหวัดพัทลุงเวลาเช้าตรู่ พวกเราก็เดินทางโดยรถตู้ของศูนย์ฯ เพื่อไปรับประทานอาหารเช้ากันที่ร้านต้อม บักกุ๊ดเต๋ ลิ้มรสบักกุ๊ดเต๋ที่แสนอร่อย อาหารที่ขึ้นชื่อลือชาของที่นี่ หลังอิ่มหนำสำราญก็เดินทางไปสักการะ “พระสื่มุมเมือง” (พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ) เพื่อเป็นสิริมงคล
พระสื่มุมเมืองเป็นพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ปางสมาธิราบตามแบบศิลปะสุโขทัย
หน้าตักกว้าง 49 นิ้ว ประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปจัตุรมุข
จัดสร้างขึ้นตามคติความเชื่อเรื่องพุทธไชยปราการเมื่อ พ.ศ. 2511
โดยได้นำต้นแบบมาจาก "พระพุทธนิรโรคันตราย"
พระพุทธรูปประจำรัชกาลในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
อีกทั้งเมื่อพิจารณาความหมายของพระนามของพระพุทธรูป อันหมายถึง
"การปราศจากซึ่งภยันตรายทั้งปวง"
จากนั้นเดินทางไป
“หาดแสนสุขลำปำ” อ.เมือง
สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลสาบสงขลาที่มีชื่อเสียง
เป็นหาดทรายที่มีทิวสนร่มรื่น เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
มีศาลากลางน้ำชื่อ “ศาลาลำปำที่รัก” สำหรับชมทิวทัศน์บริเวณทะเลสาบ
และจากบริเวณชายหาด มีสะพานเชื่อมไปยังเกาะลอย เมื่อเดินเข้าไปภายในเราจะเห็น
หอโพนศรีไพศาล เป็นโพนมงคลหนึ่งในโพนมงคล 9
ลูกที่ทางเทศบาลเมืองพัทลุงได้จัดกิจกรรม “ตีโพน 9 หอ”
สร้างเอกลักษณ์เมืองแห่งโพน และจัดแสดงรูปปั้นโนราและภาพหนังตะลุง
ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพัทลุง รวมทั้งรูปปั้นโลมาอิรวดี (โลมาหัวหมอน)
สัตว์หายากและเป็นสัตว์คุ้มครอง พบเพียง 5
แห่งในโลก รวมถึงทะเลสาบสงขลาของไทย และทะเลสาบลำปำด้วย
ตามด้วยการชม “วังเก่า-วังใหม่” อ.เมือง เป็นโบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน สำหรับ “วังเก่า” นั้นสร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสมัยที่พระยาพัทลุง (น้อย จันทโรจวงศ์) เป็นเจ้าเมือง เคยเป็นวังเจ้าเมืองเก่า ที่มีความสวยงามโดดเด่น มีลักษณะเป็นเรือนไทยที่มีรูปแบบผสมผสานระหว่างภาคกลางกับภาคใต้ มีเรือนใหญ่ทรงไทยแฝดอยู่ตรงกลาง ส่วน “วังใหม่” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์จักราวิชิตพิพิธภักดี (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาพัทลุง (นเจ้าเมืองในขณะนั้น) มีลักษณะเป็นกลุ่มเรือนไทย 5 หลัง แบ่งเป็นเรือนนอน และ เรือนครัว สามารถเดินชมด้านในได้ นอกจากนี้ บริเวณวังเจ้าเมืองฯ ยังมีศาลาไทยริมน้ำ และเรือนพัทลุง ซึ่งเป็นเรือเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ 5 ให้ได้ชมกันด้วย กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
ต่อด้วย
“ศูนย์เรียนรู้หัตถกรรมกระจูดวรรณี” อ.ควนขนุน
ชมวิธีการผลิตกระเป๋า ตะกร้า เครื่องใช้ต่างๆ เช่น หมวก กระเป๋าถือรูปแบบต่างๆ จนเป็นสินค้าชุมชนจากกระจูด
(กระจูดเป็นพืชตระกูลกก ที่มีคุณสมบัติสมบัติเหนียวนุ่มเมื่อนำมาตากแห้ง
พับแล้วคืนตัวไม่ยู้ยี่ ไม่อมฝุ่น จึงนำมาจักสาน) ศูนย์เรียนรู้นี้เกิดจากคุณวรรณี
เซ่งฮวด เป็นผู้ก่อตั้ง ปัจจุบันมีคุณมนัทพงศ์ เซ่งฮวด
นักออกแบบรุ่นใหม่ของกระจูดวรรณีผู้สืบสานภูมิปัญญาจากคุณแม่ผู้เป็นครูช่างศิลปหัตถกรรมของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศปี
2556
ได้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องลวดลายการสานให้ดูทันสมัยขึ้น
เพื่อยกระดับงานพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
แต่ยังคงรูปแบบการใช้งานแบบเดิมเอาไว้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานสาน สามารถชมและซื้อได้ในราคาไม่แพงได้ที่นี่
แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านคู่หู ก่อนเดินทางเข้า Siva Royal Hotel ที่พัก หลังเก็บสัมภาระ ทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็เดินทางไป “สวนเดอลอง” อ.เมือง จุดเช็คอินใหม่ล่าสุดของจังหวัด ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะที่นี่เป็นสวนที่รวบรวมที่กิน ที่เที่ยว ของฝาก และมุมถ่ายภาพสวยๆ แถมมีที่จิบกาแฟ ด้วยสโลแกนที่ว่า “จิบกาแฟแลเครื่องบิน เช็คอินนาขั้นบันได คล้องใจสะพานรัก รู้จักเกษตรแปรรูป”
เริ่มกันตั้งแต่ที่ลงจากรถ ก็จะเจอกับป้ายสวนเดอลองที่ตั้งอยู่หน้าริมสระน้ำ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเมื่อเดินเข้าไปในตัวอาคาร ก็จะเจอกับจุดเช็คอินอีกหลายจุดที่ตั้งไว้บริการนักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอย่างจุใจ และสิ่งที่โดดเด่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็น่าจะเป็นสระน้ำที่สร้างไว้กลางสวน น้ำสีฟ้าครามดูแล้วสบายตา แถมมีสะพาน“สะพานรัก ข้าวสังข์หยด” ทอดข้ามสองฟากฝั่ง โดยตรงกลางสะพานจะมีตะแกรงเหล็กไว้ให้คู่รักได้นำกุญแจมาล็อกไว้ พร้อมกับสลักชื่อไว้บนกุญแจ เชื่อว่าจะเป็นรักแท้ของกันและกัน ใครไปกับแฟนก็อย่าลืมชวนกันไปคล้องรักคล้องใจไว้ที่นี่กัน ถัดมาอีกที่หนึ่งจะเป็นนาจำลองแบบขั้นบันได และเมื่อขึ้นไปข้างบนก็จะมีเครื่องบิน สามารถเข้าไปนั่งบนเครื่องบินแอ็คชั่นถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก
เดินกันเหนื่อยแล้วก็แวะจิบกาแฟที่
“เดอลองคาเฟ่” กาแฟของที่นี่มีจุดเด่นที่แปลกกว่าที่อื่นคือเป็นกาแฟที่บดผสมผสานกับข้าวสังข์หยด
ซึ่งเป็นข้าวพื้นเมืองที่โด่งดังของจังหวัด ใครได้ชิมแล้วละก็รับรองว่าจะติดใจ และยังมีเมนูอื่นๆ
ให้เลือกอีกมากมาย ก่อนกลับก็อย่าลืมซื้อของฝากติดกลับบ้านด้วย
เพราะที่นี่จะมีของฝากขนมพื้นเมือง รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ
โดยเฉพาะกาแฟเดอลองสังข์หยด
บกาแฟสบายอุราแล้ว ก็เดินทางไปห่มผ้าขึ้นพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว ที่วัดพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว” (วัดเขียนบางแก้ว) อ.เขาชัยสน ตามประวัติว่า วัดเขียนบางแก้วเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดมีอายุกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย โดยนางเลือดขาวเป็นผู้สร้างวัดนี้ โดยได้จารึกเรื่องราวการก่อสร้างลงบนแผ่นทองคำที่เรียกว่า เพลาวัด กล่าวไว้ว่าวัดนี้สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 1492 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 1493 เจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากเกาะลังกามาบรรจุไว้ในพระมหาธาตุเจดีย์
ห่มผ้าองค์พระธาตุกันแล้ว
ก็ได้เวลาอาหารเย็น มื้อนี้พวกเราแวะรับประทานอาหารกันที่ ลานนา เรสเตอรองท์
รับประทานอาหารดื่มด่ำกับททัศนียภาพท้องทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตามีเขาทะลุอาบแสงสีครามเป็นฉากหลังที่สวยงามดั่งต้องมนต์
เช้ามืดของวันใหม่
พวกเราเดินทางไปที่ “คลองปากประ” แหล่งน้ำสำคัญของ
อ.ควนขนุน ที่เกิดจากลำน้ำสายต่างๆ ไหลรวมมาบรรจบกัน ก่อนจะออกสู่ทะเลสาบสงขลา
ที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งชุมนุมของปลาและเป็นแหล่งจับปลาที่สำคัญ
โดยชาวบ้านได้ตั้งยอขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า “ยอยักษ์”
ที่มีที่เดียวในประเทศไทย ดักจับปลาเป็นจำนวนมาก จนเกิดเป็นทัศนียภาพที่แปลกตา
เพื่อให้ได้บรรยากาศที่สวยงาม พวกเราต้องบังคับตัวเองให้ตื่นเช้ากันสักหน่อย
เพื่อไปล่องเรือ โดยเรือจะออกตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น พวกเราจะได้เห็นแสงแรกของวันพร้อมกับวิวยอยักษ์ที่คลองปากประที่เรียงรายสวยงามมีแสงแรกสีแดงของอาทิตย์เป็นฉากหลัง
จนกลายเป็นภาพที่สวยงามดั่งต้องมนต์สะกด ซึ่งมีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
ระหว่างทางที่ล่องเรือ เรือจะผ่านสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80
พรรษา 5 ธันวาคม 2550
เป็นสะพานข้ามทะเลสาบความยาวเกือบ 6 กิโลเมตร
สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา
ถือเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย บนสะพานมีจุดชมวิวทะเลสาบ
ซึ่งสามารถเห็นวิถีชีวิตควายน้ำ และนกนานาพันธุ์ จากความสวยงามและความสมบูรณ์ของท้องทะเลแห่งนี้
จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ รวมทั้งพวกเราเดินทางมาชมความสวยงาม
ได้ชมแสงแรกของวันสัมผัสสายลมเย็นๆ ชมยอยักษ์ ชมดอกบัว และควายน้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น