วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

กาญจน (นะจ๊ะ) บุรี จัดเต็มทุเรียนทองผาภูมิ สดจากสวน ไหว้วัดสวย เดินสกายวอล์ค ล่องแพเปียก เที่ยวทะลุ มิติ ยอดเขาเอเวอเรสต์

กาญจน (นะจ๊ะ) บุรี จัดเต็มทุเรียนทองผาภูมิ สดจากสวน

ไหว้วัดสวย เดินสกายวอล์ค ล่องแพเปียก

เที่ยวทะลุ มิติ ยอดเขาเอเวอเรสต์

เรื่อง/ภาพ...อนุรักษ์ มงคลชัยประทีป


สมาคมธุรกิจท่องเกี่ยวภายในประเทศ (สทน.) นำโดย นายชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคม สทน. ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี นำโดยนางสาวสรียา บุญมาก ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท. สำนักงานกาญจนบุรี จัดโครงการ  "กาญจน (นะจ๊ะ) บุรี จัดเต็มทุเรียนทองผาภูมิสดจากสวน ไหว้วัดสวย เดินสกายวอล์ค ล่องแพเปียก เที่ยวทะลุมิติ ยอดเขาเอเวอเรสต์ ทองผาภูมิ" โดยมีทัวร์คุณชาย นำโดยคุณลลิตา ขันแข็ง เป็นผู้ดำเนินการนำเที่ยว และมี อาจารย์กอล์ฟ เป็นมัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์ ที่จะมาบรรยายเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดการเดินทาง พร้อมนำกราบไหว้พระอย่างถูกวิธีและเหมาะสม เพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมบารมี เจริญก้าวหน้า ให้สถิตอยู่กับตัวเองและครอบครัวอย่างยั่งยืนตลอดไป



จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม หรือที่เที่ยวทางประวัติศาตร์ สมัยสงครามโลก นอกจากนี้ กาญจนบุรี ยังมีวัดสวยๆ  ให้นักท่องเที่ยวสายบุญทั้งหลายได้แวะเวียนไปเที่ยวกัน





วันนี้คณะเราเลยแวะ "วัดเขาสูงแจ่มฟ้า" เป็นจุดแรกที่คณะเราเป็นวัดที่สวยงามมากแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของอำเภอท่ามะกา ในพื้นที่ตำบลสามสิบหาบ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย มีพื้นที่ 15 ไร่ เดิมเป็นสำนักสงฆ์ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2522 ได้รับการแต่งตั้งประกาศวัดขึ้นทะเบียนในพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558 โดยนายการุณ ปุญสิริ ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัด มีพระครูวินัยธรเกียงไกร ติกุขวิริโย พงษ์ธนจิรายุส  เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกจนถึงปัจจุบัน เมื่อเดินชมภายในวัดเราจะเห็นความโดดเด่นของประติมากรรมสวยๆ งามๆ มากมาย รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้เราได้กราบสักการะขอพรมากมาย เริ่มจากพระพุทธไสยาสน์สีทองเหลืองอร่ามองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่หลังพระอุโบสถสีขาวที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ คณะของเราเดินเข้าไปกราบสักการะขอพรพระพุทธรูปองค์ดำปฏิหาริย์ พระประธานในพระอุโบสถ

 

ก่อนเดินชมรอบๆ พระอุโบสถ ที่บริเวณด้านหน้าประดิษฐานหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่สีขาวบริสุทธิ์น่าเคารพศรัทธา บริเวณด้านหน้าของหลวงปู่ทวดเป็นสกายวอล์ค เป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติ เมื่อเดินลงไปด้านล่างจะพบพญาธนบดีนาคราช เป็นพญานาคพ่นน้ำที่ม้วนตัวให้ผู้มีศรัทธาได้ลอดท้องพญานาคเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกราบพระราหูองค์ใหญ่ที่อยู่บริเวณด้านข้าง เดินช้ามสะพานบุญ แล้วเดินลงเนินไปก็จะพบกับศาลาที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมสีขาวองค์ใหญ่ในลักษณะท่านอนดูสงบเยือกเย็น ทำให้จิตใจเราสงบปลอดโปร่ง เดินไปอีกนิดก็จะพบกับเสาโทริอิสีแดง ตั้งเรียงรายไปไปตามทางลงเนินเขาจำนวนมาก สร้างบรรยากาศที่นี่ให้เหมือนประเทศญี่ปุ่น  ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นต้องไม่พลาด เพราะเสาโทรินี้ถือว่าเป็นมุมยอดฮิต ที่หลายๆ คนชอบมาเซลฟี่กัน และเมื่อลงมาถึงด้านล่างก็จะเห็นองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์  (โต พรหมรังสี) สีขาวองค์ใหญ่ประดิษฐานตั้งตระหง่านอยู่บริเวณเนินเขาหน้าวัด มีพญานาคราชองค์ใหญ่รายล้อมองค์พระอยู่ใกล้ๆ ทำให้ดูน่านับถือ น่าเลื่อมใส และน่ายำเกรงอย่างยิ่ง  บอกเลยว่าที่วัดเขาสูงแจ่มฟ้านี้ เป็นที่รวบรวมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ที่มีความประณีต และมีความเป็นเอกลักษณ์มากๆ แห่งหนึ่ง นับได้ว่าเป็นสถานที่ Unseen มากๆ อีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้



         หลังกราบสักการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากแล้ว คณะเราก็เดินทางไปชม "สกายวอล์ค@กาญจนบุรี" ที่เกิดจากโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาเมืองเก่ากาญจนบุรีและสองฝั่งแม่น้ำแควน้อย เริ่มจากที่จังหวัดกาญจนบุรีได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาแพรุกล้ำบริเวณแม่น้ำแควใหญ่และแม่น้ำแควน้อย รวมทั้งทางภาคเอกชน ได้เสนอขอรับการสนับสนุนในการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสองฝั่งแม่น้ำแควน้อย-แควใหญ่ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จากคณะรัฐมนตรี โดยได้จัดสร้างจุดชมวิว Sky Walk บริเวณริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ตลอดจนจัดระเบียบและปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ริมฝั่งถนนแม่น้ำแคว จัดทำเป็น Walking Street สวนสาธารณะ ลานกิจกรรม ให้เป็นพื้นที่สาธารณะของชาวเมืองกาญจนบุรี เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในตัวเมือง กระตุ้นเศรษฐกิจ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อคณะไปถึงจะเห็นสกายวอล์คแห่งนี้ตั้งอยู่บนเสาสูงบริเวณริมแม่น้ำแควใหญ่ อำเภอเมือง ใกล้กับศาลหลักเมืองกาญจนบุรีและถนนคนเดินปากแพรก ซึ่งเคยเป็นจุดลงเรือสำหรับล่องเรือไปชมแม่น้ำสองสีเดิมนั่นเอง เป็นสกายวอล์คกระจกใสบนความสูงประมาณ 12 เมตร ระยะทางยาว 150 เมตร ทอดขนานไปตามริมฝั่งของแม่น้ำ ล้อมรอบด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามประกอบสองข้างทาง เพราะเป็นจุดชมวิวแม่น้ำสองสี คือ แม่น้ำแควน้อย และ แม่น้ำแควใหญ่ ไหลมาบรรจบกันที่บ้านลิ้นช้างเป็นแม่น้ำแม่กลอง ก่อนขึ้นไปบนสกายวอล์คต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 60 บาท เป็นค่ารองเท้าและค่าบำรุงสถานที่ และห้ามนำกระเป๋าทุกชนิดขึ้นไปบนสกายวอล์ก ต้องถอดกระเป๋าไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ไว้ในตู้เก็บของที่มีจัดไว้ให้ิ  ซึ่งถือเป็นกฏระเบียบที่เข้มงวดเกินไป ซึ่งผมคนหนึ่งในฐานะสื่อมวลชนที่เดินทางไปสกายวอล์คมาแล้วหลายที่ ไม่เห็นเขาจะเข้มงวดแบบนี้เลย ซึ่งบางทีกระเป๋าสะพายใบเล็กที่เก็บของมีค่า กระเป๋าเงิน ควรจะอนุโลมให้เอาขึ้นไปได้ และถ้าสมมุติว่าเก็บไว้ในตู้เก็บของ แล้วถ้ามันหายไปหรือถูกขโมยไป ใครจะรับผิดชอบทรัพย์สินดังกล่าว คณะเราต่างสนุกสนานกับการถ่ายภาพกันสุดๆ ในท่าหลากหลายสไตล์บนสะพานแก้ว บางคนก็ถ่ายภาพแบบกลัวๆ กล้าๆ จนเป็นที่ขำขันเฮฮา และที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นแลนด์มาร์กใหม่ให้นักท่องเที่ยวได้เช็กอินเท่านั้น บริเวณโดยรอบจะเป็น Walking Street แหล่งค้าขายสร้างรายได้ให้กับเหล่าพ่อค้าแม่ค้า เพื่อหวังกระตุ้นให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงยังเป็นที่พักผ่อนให้กับประชาชนทั่วไปได้เข้ามาใช้สอยพื้นที่





เดินทอดน่องชิลล์ๆ ชมวิวทิวทัศน์ ถ่ายภาพเซลฟี่กันอย่างสนุกสนานแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารกลางวัน มื้อนี้คณะของเราทานอาหารกันที่ห้องอาหารชานชาลา ที่จัดร้านเป็นสวนป่าธรรมชาติ มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่น มีน้ำตกน้อยๆ และมุมถ่ายภาพมากมาย หลังอิ่มเอมสำราญใจแล้ว คณะของเราก็เดินทางไปร่วม "งานเทศกาลผลไม้ไทรโยค สด ยกสวน"  ไทรโยคเมืองผลไม้ มนต์เสน่ห์แห่งขุนเขา ณ ลานกิจกรรมหน้าวัดพุตะเคียน ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าเสา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กาญจนบุรี และภาคีเครือข่าย ที่นี่คณะของเราได้ทานทุเรียนทองผาภูมิ เมืองกาญจนบุรีที่ทัวร์คุณชายจัดให้ ซึ่งทุกคนต่างยกนิ้วให้ว่าอร่อยสุดๆ ไปเลย ก่อนแยกย้ายกันไปช้อปปิ้งผลไม้และสินค้าชุมชนตามที่ตนเองต้องการ ช้อปกันจนเต็มไม้เต็มมือ ก็ได้เวลาเดินทางเข้าที่พัก โรงแรมริเวอร์แคว พาราไดซ์ รีสอร์ท ที่นี่เป็นที่พักบนแพ ท่ามกลางบรรยากาศ สายลม สายน้ำ และแสงแดด ช่างโรแมนติก ห้องพักก็สะดวกสบาย สะอาดสะอ้าน การบริการก็ดีเยี่ยม เก็บสัมภาระ อิสระผักผ่อน ถ่ายรูป ตามอัธยาศัย แล้วก็ได้เวลาสนุกสนานกับกิจกรรมล่องแพเปียก แต่วันนี้โชคไม่ดี ฝนตก ก็เลยกลายเป็นเปียกก่อนล่องแพในบรรยากาศสายฝนโปรยปราย ฟินสุดๆ ก็สนุกสนานไปอีกแบบ พะยะค่ะ



เช้าวันใหม่ คณะของเราก็เดินทางไปชม "น้ำตกสะพานลาว"อยู่ด้านหลังวัดสะพานลาวประชาสรรค์ เดินไปเพียง 150 เมตร ก็จะพบน้ำตกสะพานลาวเป็นน้ำตกขนาดเล็กที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ เมื่อคณะเราถ่ายรูปกับน้ำดกกันอย่างจุใจแล้ว ก็เดินกลับมาที่ "วัดสะพานลาวประชาสรรค์"  เพื่อร่วมกันถวายสังฆทานแก่พระอธิการวิชัย ปภสฺสโร เจ้าอาวาสวัดสะพานลาวประชาสรรค์  พร้อมรับท้าวเวสสุวรรณเป็นของขลังปกป้องภยันตรายทั้งหลาย



จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ "จุดชมวิวเนินสวรรค์" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ บริเวณที่ตั้งสำนักงานและแปรรูปเหมืองตะกั่วที่ส่งไปขายยังต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเหมืองแร่ดังกล่าวหมดสัมปทาน เป็นจุดกางเต็นท์ขนาดไม่ใหญ่มาก รองรับได้มากกว่า 50 เต็นท์ มีบรรยากาศที่เงียบสงบเย็นสบาย แม้จะมีแดดร้อนก็ยังมีลมพัดตลอดทั้งวัน เมื่อคณะเราไปถึงจุดชมวิวเนินสวรรค์ เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพมุมสูง เห็นหมู่บ้าน สะพานลาว ที่ถูกรายล้อมไปด้วยธรรมชาติป่าไม้และภูเขา หากมาช่วงหน้าหนาวจะเห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วหมู่บ้าน  นอกจากนนี้ยามค่ำคืนยังสามารถนอนชมดาวได้สวยงามอีกด้วย  มาถึงแล้วคณะเราก็ไม่รอช้ายืนแอ็คชั่นเก็บภาพถ่ายไว้เป็นที่ระลึก





หลังเก็บภาพประทับใจพอแล้ว คณะเราก็ต้องเปลี่ยนพาหนะจากรถตู้ไปขึ้นรถกระบะโฟร์ลิลไดร์ฟ เพื่อเดินทางสู่ “อุโมงค์สามมิติ” หนึ่งใน "UNSEEN NEW CHAPTERS ปักหมุดมุมใหม่ เปิดไทยมุมต่าง" แห่งใหม่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เพิ่งประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นอุโมงค์เหมืองแร่ตะกั่วเก่า บ้านป่าไม้สะพานลาว ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภแทองผาภูมิ เป็นส่วนหนึ่งของเหมืองสองท่อของ ดร.ผล กลีบบัว ผู้ที่เคยได้รับสัมปทานและสิ้นสุดไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันพื้นที่ของเหมืองสองท่อนี้อยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลสหกรณ์นิคม ที่มีความพยายามจะพัฒนาเหมืองแร่เก่าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยใช้เส้นทางอุโมงค์ขนส่งถ่ายแร่ในอดีต 3 อุโมงค์เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ มีความยาว 2,300 เมตร ปัจจุบันพื้นที่นี้เต็มไปด้วยเถาวัลย์และต้นไม้น้อยใหญ่ จนบริเวณรอบๆ เหมืองมีแต่ผืนป่าสีเขียวปกคลุม รถกระบะจะวิ่งเป็นวงกลม เข้าไปแล้วจะไม่กลับไปทางเดิมจ ะไปออกอีกทางนึง เมื่อรถกระบะวิ่งเข้าอุโมงค์ คณะของเราต่างส่งเสียงพูดคุยกันฝ่าความมืดของอุโมงค์ที่สวยว๊าวสุดๆ นั่งรถลอดอุโมงค์แรกออกมาก็จะเห็น "ยอดเขาเอเวอเรสต์" ที่เรียกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ เพราะว่าก่ารปีนขี้นเขา ต้องมีการดึงเชือก ดูแล้วมันแสนลำบากยากเย็นเหมือนกับการขี้นเขาเอเวอเรสต์ เทือกเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล คณะเราก็ลงจากรถถ่ายรูปกันจ้าละหวั่นแข่งกับเวลา 



จากนั้นก็เดินทางไปลอดอุโมงค์ที่ 2 และ 3 ขับรถลอดอุโมงค์ภายใต้ความมืด เป็นบรรยากาศลึกลับชวนให้ลุ้นตลอดสองข้างทาง แสงไฟจากหน้ารถ รวมทั้งแสงจากไฟฉายทำให้เห็นแสงเปล่งประกายระยิบระยับจากหินงอกหินย้อยภายในอุโมงค์ บางแห่งยังคงมีหลักฐานจากอดีตเป็นเครื่องจักรและท่อลมขนาดใหญ่ให้พบเห็น แต่ในวินาทีที่รถกำลังจะแล่นผ่านหน้าปากอุโมงค์ เมื่อแสงจากบริเวณปากอุโมงค์ส่องเข้ามาจะดูคล้ายกับประตูกาลเวลาราวกับฉากไคลแม็กซ์ในภาพยนตร์ และเมื่อรถวิ่งทะลุออกไป จะให้ความรู้สึกราวกับว่าได้ทะลุผ่านจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติ จึงเป็นที่มาของชื่อ “อุโมงค์สามมิติ” ที่ผู้คนต่างเรียกขาน 



ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการเยี่ยมชม ชิม และซื้อทุเรียนจาก "สวนทุเรียนชัยสุข" สวนทุเรียนที่ได้มาตราฐาน ได้ทุเรียนติดไม้ติดมือเป็นของฝาก ก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานครด้วยความปลอดภัยและประทับใจ แล้วทริปหน้าพบกันใหม่นะครับ

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

#สมาคมธุรกิจท่องเกี่ยวภายในประเทศ 

#ทัวร์คุณชาย 

#จังหวัดกาญจนบุรี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พบโปรสุดพิเศษที่เค้กช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

พบโปรสุดพิเศษที่เค้กช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์        เค้กช็อพ  โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เชิญชวนคุณมาเติมความสดชื่นในทุกๆ เช้าวันใหม่ด้วยขนมอบร...