พื้นที่ใกล้แหล่งศึกษาใจกลางเมือง 'ต้องปลอดยาเสพติด'
สถานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ควรต้องถูกกำจัดหรือรื้อทิ้งไปหรือไม่
ตำรวจสายสืบจากส่วนกลางร่วมกับตำรวจ 191 ได้เข้าจับกุมแก๊งยาบ้า โดยรวบตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง 200,000 เม็ด ที่อาคารจอดรถจามจุรี 9 ชั้น 2B ซ.จุฬาลงกรณ์ 42 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
จากกรณีที่ตำรวจ 191 ได้รวบตัวนายรติกร หรือเจน (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี เอเย่นต์ซุกยาบ้ากลางกรุง พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด ยาไอซ์ 83 กรัม รถยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณภายในอาคารจอดรถจามจุรี 9 ชั้น 2B ซ.จุฬาลงกรณ์ 42 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองใกล้สถานศึกษาชั้นนำระดับประเทศอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี,พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.อธิบดี เสริมสุข พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์ รอง ผกก.สายตรวจ , พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ1 ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวน นายรติกร หรือเจน (สงวนนามสกุล) เอเยนต์ซุกยาบ้ากลางกรุงรายนี้ จนทราบว่า นายรติกรได้รับยาบ้าซึ่งเป็นของกลางในคดีนี้มาจากอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ขยายผลตรวจค้นศาลเจ้าเลขที่ 377/11 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ อันเป็นที่พักของนายรติกร ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่กำลังมีข้อพิพาทในการรื้อถอนศาลเจ้ากับทรัพย์สินจุฬาฯ
และได้ทำการตรวจค้นห้องเช่าห้องที่ 101 อาคารเลขที่ 568/17 ซอยกิจพาณิช แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ อีกจุดหนึ่ง พบยาไอส์น้ำหนัก 83 กรัม
พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนทราบว่ามีเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่สามย่าน โดยมีนายรติกร เป็นเอเย่นต์ยาบ้า จึงเฝ้าสังเกตการณ์ จนทราบว่ามักจะใชัรถยนต์ไปรับยาเสพติดในพื้นที่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วนำมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อรอกระจายยาเสพติดให้ลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จนกระทั่งชุดสืบสวนได้แกะรอยจนพบว่าผู้ต้องหาจะไปรับยาเสพติด จึงได้ติดตามจนจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ลานจอดรถดังกล่าว จึงทำการเข้าตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด นายรติกรให้การรับสารภาพว่าทำมานานกว่า 1 ปี ได้ค่าจ้างรอบละ 10,000 บาท จึงได้แจ้งข้อหา "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้าและไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน" และทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลจนมีเหตุอันสงสัยได้ว่าศาลเจ้าที่มีข้อพิพาทกับทรัพย์สินจุฬาฯ เป็นที่พักยาเพื่อจำหน่าย และตรวจค้นเพิ่มเติมห้องเช่าห้องที่ 101 อาคารเลขที่ 568/17 ซอยกิจพาณิช แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ พบยาไอซ์อีก น้ำหนักรวม 83 กรัม จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อติดตามผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ต้องหาได้ใช้ประโยชน์จากอาคารศาลเจ้าที่เป็นกรณีพิพาทอยู่กับทรัพย์สินจุฬาฯ นอกจากใช้พักอยู่อาศัยแล้วยังใช้เป็นแหล่งกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งนับเป็นภัยที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง เนื่องจากใกล้แหล่งชุมชนและรายล้อมด้วยสถานการศึกษาชั้นนำของประเทศ สมควรหรือไม่ที่จะให้ศาลเจ้าแห่งนี้ยังอยู่ต่อไป
ขอขอบคุณ ข่าวและภาพ จากมติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น