วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2565

มูลนิธิรวมพัฒน์ ร่วมกับ ADH สร้างต้นแบบการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เชื่อมบล็อกเชน จากชุมชนเมืองสู่หมู่บ้าน มูลค่ากว่า 4,000 ล้าน

มูลนิธิรวมพัฒน์ ร่วมกับ ADH สร้างต้นแบบการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เชื่อมบล็อกเชน จากชุมชนเมืองสู่หมู่บ้าน มูลค่ากว่า 4,000 ล้าน

นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ประธานมูลนิธิรวมพัฒน์ และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ร่วมลงนามกับนายธนกฤช โชควรทรัพย์ ประธาน บริษัท เอ.ดี เฮ้าส์ จำกัด ในบันทึกข้อตกลงสนับสนุนการสร้างต้นแบบระบบเหรียญดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียนจากชุมชนเมืองสู่หมู่บ้าน มีสินทรัพย์พร้อมใช้งานเป็นอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 1,000 ยูนิต มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท  ซึ่งมีความพร้อมให้บริการในเมืองท่องเที่ยวทั้งใน พัทยา ชะอำ และหัวหิน ฯลฯ โดยทำงานร่วมกันด้วยโทเคน BETTERpoint และ ระบบ Community Service Tokenize ที่ห้องประชุม GiowFish(Sathorn) Conference Hall 2-3  เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565


นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ ประธานมูลนิธิรวมพัฒน์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ทำงานพัฒนาชุมชนเมืองและหมู่บ้านของตนตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้พบว่าชุมชนในเมืองใหญ่และหมู่บ้านในต่างจังหวัดได้ถูกแบ่งแยกและขาดการเชื่อมโยงกันจากกลไกต่างๆ ในอดีต จนทำให้ระบบเศรษฐกิจของไทยถูกผูกขาดและควบคุมโดยตัวกลางในหลายมิติ แต่หากเราได้ลองไปสำรวจในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ จะพบว่าภาคใต้มีปลา ภาคกลางมีข้าว ภาคเหนือมีภูเขา ภาคตะวันออกมีทะเล ภาคอีสานมีพื้นที่ราบใหญ่ ซึ่งทุกพื้นที่ของประเทศต่างมีสินทรัพย์ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพของคนไทยอยู่อย่างมากมายและเหลือล้น แต่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกันโดยตรงได้ เพียงเพราะขาดเงินที่เป็นสื่อกลาง จึงทำให้ต้องเกิดการกู้หนี้ยืมเงินมาเพื่อนำไปลงทุน ซึ่งต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมากและหมดอำนาจต่อรองทางธุรกิจลง จนไม่สามารถแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมได้เพราะขนาดธุรกิจที่เล็กกว่ารายใหญ่หรือพ่อค้าคนกลาง และต้นทุนทางการเงินหรือดอกเบี้ยที่แพงกว่าบริษัทใหญ่หรือนายทุน การนำเทคโนโลยีบล็อคเชนที่พร้อมใช้แล้วในปัจจุบัน มาเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้เงินได้ไหลจากผู้คนจากชุมชนเมืองไปสู่หมู่บ้านในต่างจังหวัด แล้วไหลกลับจากผู้คนในหมู่บ้านต่างจังหวัดมาสู่ชุมชนเมืองเป็นวัฎจักรที่หมุนเวียนและเพิ่มมูลค่าในตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง อันเป็นการกระจายอำนาจและประชาธิปไตยอย่างแท้จริง


ส่วน ดร.ชนิญญา ชัยสุวรรณ รองประธานมูลนิธิรวมพัฒน์ กล่าวเสริมว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงสนับสนุนการสร้างต้นแบบฯ ในวันนี้ นับเป็นนิมิตรหมายอันดีในการศึกษาและพัฒนาด้านกฎหมายของประเทศด้วย เนื่องจากเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นเรื่องที่ยังใหม่มากในระดับโลก โดยนานาประเทศยังอยู่ระหว่างการหาจุดเหมาะสมเพื่อนำมาใช้พัฒนาเศรษฐกิจในรัฐของตน การหาสมดุลระหว่างการส่งเสริมและกำกับด้วยกฎหมายของรัฐ ด้วยการต่อยอดพัฒนาต้นแบบฯบนฐานกฎหมายเดิมจะทำให้เกิดการพัฒนาที่สร้างการยอมรับและความเข้าใจได้ในวงกว้าง จนเป็นพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับนำไปสู่การพัฒนาที่ก้าวกระโดดได้โดยง่าย ซึ่งจากประสบการณ์ในการเป็นอดีตอธิบดีอัยการยาเสพติด และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข อันได้มีส่วนร่วมในการศึกษาและขับเคลื่อนการปลดล็อคกฎหมายกัญชาและกระท่อม พบว่า “การปลดล็อคศักยภาพการใช้งานของสินทรัพย์ต่างๆ จะก่อให้เกิดมูลค่าหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจและประชาชนได้อย่างหลายเท่าทวีคูณ ซึ่งการสร้างต้นแบบฯทางกฎหมายในครั้งนี้ จะช่วยปลดล็อคและเป็นต้นแบบการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้งานให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนระหว่างชุมชนเมืองและหมู่บ้านในหลายพื้นที่ของประเทศ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อัตลักษณ์ประจำท้องถิ่นหรือพื้นที่ เช่น สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ตลอดจนภูมิปัญญาไทย อันนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนของประชาชนได้เป็นอย่างดี"


ด้าน นายธนกฤช โชควรทรัพย์ ประธาน บริษัท เอ.ดี เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ADH ได้ดำเนินการและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องในการขึ้นเป็นผู้นำการสร้างคอนโดเพื่อสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้ลงทุนและผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดย ADH ได้ออกแบบและก่อสร้างพร้อมรองรับกลุ่มเป้าหมายตามมาตรฐานสากล ในทำเลยอดนิยมต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น พัทยา ชะอำ หรือ หัวหิน โดยปัจจุบันมีความพร้อมเข้าอยู่อาศัยแล้วกว่า 1,000 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท แต่ด้วยแนวโน้มที่เปลี่ยนไปของเศรษฐกิจจากเดิมที่ไทยเติบโตได้ โดยอาศัยการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และสภาวะ Deglobalization ในปัจจุบัน ทำให้ทุกประเทศต้องมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ ซึ่งธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องเร่งปรับรูปแบบการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้าของ ADH เพิ่มมากขึ้นให้สอดรับกับระบบเศรษฐกิจใหม่ ทาง ADH จึงให้ความสำคัญกับความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จะก่อให้เกิดทั้งเศรษฐกิจแบ่งปันและหมุนเวียน(Sharing & Circular Economy) อันจะช่วยสร้างประโยชน์อย่างสูงสุดให้กับลูกค้าของเราที่เป็นทั้งผู้ลงทุนและผู้อยู่อาศัย ตลอดจนระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมอีกด้วยหากความร่วมมือนี้ได้ดำเนินการจนเสร็จสิ้น


และ นายธนภัทร บัวลอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบทเทอร์ดู จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี โดยมุ่งเน้นการนำบล็อคเชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจในตลาดหลักอย่างแท้จริงมากกว่าเป็นแค่การเก็งกำไรในตลาดรอง โดยได้พัฒนาขึ้นมาจนสามารถยื่นจดสิทธิบัตรระบบจัดการข้อมูลการทำงานร่วมกันด้วยโทเคน BETTERpoint และ ระบบ Community Service Tokenize ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความร่วมมือของโครงการนี้ให้บรรลุเป้าหมายจนก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ลงทุน ผู้อยู่อาศัย ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมได้อย่างแน่นอน

 

                                                                                                                                       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiang Rai Flower and Art Festival 2024”

งาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiang Rai Flower and  Art Festival 2024”  16 ธ.ค. 2567 ถึงวันที่ 5 ม.ค. 2568  ณ สวนไม้งามริมน้ำกก         ...