วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ชาวบ้านร้องสื่อพาลงพื้นที่ที่ดินพิพาท ก่อนยื่นหนังสือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน

ชาวบ้านร้องสื่อพาลงพื้นที่ที่ดินพิพาท 

ก่อนยื่นหนังสือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน


นายชาตรี วงศ์เกตุ ชาวบ้านตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีที่ดินพิพาท จึงได้พาสื่อมวลชนส่วนกลางลงพื้นที่ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ก่อนยื่นหนังสือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน


เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 นายชาตรี วงศ์เกตุ ชาวบ้านตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ได้พาสื่อมวลชนส่วนกลางลงพื้นที่ หาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท โดยกล่าวว่า ตนถูกศาลฎีกาพิพากษาให้ตนแพ้คดี จนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บังคับคดีก็ได้นำหมายศาลมายังที่ดินพิพาท เพื่อทำการรังวัดที่ดิน เพื่อที่จะรื้อแนวรั้วกั้น แล้วต้องรื้อให้เสร็จภายในวันที่ 6 ธันวาคม 2564 รวมทั้งรังวัดที่ดินแนวเขตใหม่ตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งเป็นเนื้อที่ของตนจาก ที่มี 35 ไร่กว่า จะเหลือเพียง 32 ไร่กว่าเท่านั้น วันนี้จีงอยากให้สื่อมวลชนส่วนกลางช่วยเหลือ โดยได้พาสื่อมวลชนไปยังที่ดินพิพาท และสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องหลายรายด้วยกัน ทั้งคู่พิพาท ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ปักหมุดกั้นรั้ว ผู้ที่เป็นตัวแทนขายที่ดินให้ตน รวมทั้งนายช่างคุมงานวางท่อสาธารณประโยชน์


หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน  โดยมีนิติกรของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่านเป็นผู้รับ หลังจากที่นิติกรของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่านได้ดูเอกสารประกอบแล้ว เห็นว่า กรณีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ทางศูนย์ฯ ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล โดยได้อธิบายเหตุผลต่างๆ ให้นายชาตรีฟัง พร้อมเสนอแนะให้นายชาตรียื่นเป็นหนังสือขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินแทน


โดยใจความหนังสือมีใจความว่า เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ข้าพเจ้านายชาตรี วงศ์เกตุ อาชีพทำไร่ ข้าพเจ้ามีเรื่องร้องเรียน/ร้องทุก๘/ขอรับคำปรึกษาขอเสนอแนะ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ข้าพเจ้าได้ครอบครองที่ดินตามเอกสาร นส.3 บ้านพืชเจริญ ตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย ประมาณ 35 ไร่ ต่อมานายพวง ปิยศทิพย์ เจ้าของที่ดินข้างเคียงได้ทำไร่ข้าวโพดรุกล้ำเข้ามาในทื่ดินของข้าพเจ้าประมาณ 2 ไร่กว่า ทำให้ข้าพเจ้าได้ใช้ประโยชน์ที่ดินไม่ครบถ้วน ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยพูดคุยปัญหาดังกล่าวกับนายพวง ปิยศทิพย์ แล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงประสงค์ให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาดังกล่าวให้กับข้าพเจ้าตามแนวเขตที่ดินเดิมที่ได้ทำไว้ร่วมกัน

อนึ่ง ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับนายวีระพงษ์ ปิยศทรัพย์ พี่ชายของนายพวงฯ ซึ่งได้รับปากกับข้าพเจ้าว่า หากที่ดินของข้าพเจ้า ระวางวัดได้ไม่ถึง 35 ไร่ จะประสานน้องชาย เพื่อให้ขยับแนวเขตให้ที่ดินของข้าพเจ้ามีจำนวนครบ 35 ไร่

โดยนิติกรศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่านได้รับหนังสือเลขที่ 751 ศาลากลางจังหวัดน่าน เลขที่รับ 12924 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564

นายชาตรี วงศ์เกตุ ผู้ยื่นหนังสือก็ต้องรอวันที่จะมีการไกล่เกลี่ย แล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องดูกันอีกที

นายชาตรี วงศ์เกตุ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ตนอยากให้ทำคือ อยากให้มีการรังวัดที่ดินทั้ง 3 แปลงที่เป็นของตนกับคู่กรณี จะได้ทราบว่าที่ดินของแต่ละคนนั้นมีเนื้อที่และอาณาเขตพื้นที่ถึงตรงไหนกันแน่ จะได้หมดปัญหา และมีความยุติธรรมด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พบโปรสุดพิเศษที่เค้กช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

พบโปรสุดพิเศษที่เค้กช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์        เค้กช็อพ  โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เชิญชวนคุณมาเติมความสดชื่นในทุกๆ เช้าวันใหม่ด้วยขนมอบร...