ชาวบ้านร้องสื่อพาลงพื้นที่ที่ดินพิพาท
ก่อนยื่นหนังสือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน
นายชาตรี
วงศ์เกตุ ชาวบ้านตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน
ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีที่ดินพิพาท จึงได้พาสื่อมวลชนส่วนกลางลงพื้นที่ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ก่อนยื่นหนังสือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน
เมื่อวันที่
29 พฤศจิกายน 2564 นายชาตรี วงศ์เกตุ ชาวบ้านตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ได้พาสื่อมวลชนส่วนกลางลงพื้นที่
หาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท โดยกล่าวว่า ตนถูกศาลฎีกาพิพากษาให้ตนแพ้คดี
จนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บังคับคดีก็ได้นำหมายศาลมายังที่ดินพิพาท
เพื่อทำการรังวัดที่ดิน เพื่อที่จะรื้อแนวรั้วกั้น
แล้วต้องรื้อให้เสร็จภายในวันที่ 6 ธันวาคม 2564
รวมทั้งรังวัดที่ดินแนวเขตใหม่ตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งเป็นเนื้อที่ของตนจาก ที่มี
35 ไร่กว่า จะเหลือเพียง 32 ไร่กว่าเท่านั้น
วันนี้จีงอยากให้สื่อมวลชนส่วนกลางช่วยเหลือ โดยได้พาสื่อมวลชนไปยังที่ดินพิพาท
และสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องหลายรายด้วยกัน ทั้งคู่พิพาท ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ปักหมุดกั้นรั้ว
ผู้ที่เป็นตัวแทนขายที่ดินให้ตน รวมทั้งนายช่างคุมงานวางท่อสาธารณประโยชน์
หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดน่าน
เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน โดยมีนิติกรของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่านเป็นผู้รับ
หลังจากที่นิติกรของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่านได้ดูเอกสารประกอบแล้ว เห็นว่า
กรณีนี้ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ทางศูนย์ฯ
ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะจะเป็นการละเมิดอำนาจศาล โดยได้อธิบายเหตุผลต่างๆ ให้นายชาตรีฟัง
พร้อมเสนอแนะให้นายชาตรียื่นเป็นหนังสือขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินแทน
โดยใจความหนังสือมีใจความว่า เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ข้าพเจ้านายชาตรี วงศ์เกตุ อาชีพทำไร่ ข้าพเจ้ามีเรื่องร้องเรียน/ร้องทุก๘/ขอรับคำปรึกษาขอเสนอแนะ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ข้าพเจ้าได้ครอบครองที่ดินตามเอกสาร นส.3 บ้านพืชเจริญ ตำบลน้ำตก อำเภอนาน้อย ประมาณ 35 ไร่ ต่อมานายพวง ปิยศทิพย์ เจ้าของที่ดินข้างเคียงได้ทำไร่ข้าวโพดรุกล้ำเข้ามาในทื่ดินของข้าพเจ้าประมาณ 2 ไร่กว่า ทำให้ข้าพเจ้าได้ใช้ประโยชน์ที่ดินไม่ครบถ้วน ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยพูดคุยปัญหาดังกล่าวกับนายพวง ปิยศทิพย์ แล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงประสงค์ให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจรจาไกล่เกลี่ยปัญหาดังกล่าวให้กับข้าพเจ้าตามแนวเขตที่ดินเดิมที่ได้ทำไว้ร่วมกัน
อนึ่ง
ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับนายวีระพงษ์ ปิยศทรัพย์ พี่ชายของนายพวงฯ ซึ่งได้รับปากกับข้าพเจ้าว่า
หากที่ดินของข้าพเจ้า ระวางวัดได้ไม่ถึง 35 ไร่ จะประสานน้องชาย
เพื่อให้ขยับแนวเขตให้ที่ดินของข้าพเจ้ามีจำนวนครบ 35 ไร่
โดยนิติกรศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่านได้รับหนังสือเลขที่ 751 ศาลากลางจังหวัดน่าน เลขที่รับ 12924 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564
นายชาตรี วงศ์เกตุ ผู้ยื่นหนังสือก็ต้องรอวันที่จะมีการไกล่เกลี่ย แล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องดูกันอีกที
นายชาตรี
วงศ์เกตุ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ตนอยากให้ทำคือ อยากให้มีการรังวัดที่ดินทั้ง
3 แปลงที่เป็นของตนกับคู่กรณี
จะได้ทราบว่าที่ดินของแต่ละคนนั้นมีเนื้อที่และอาณาเขตพื้นที่ถึงตรงไหนกันแน่ จะได้หมดปัญหา
และมีความยุติธรรมด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น