หนาวนี้แอ่วลำปาง
เที่ยว “เชียงราย แต้ แต้” แวะฮิโนกิแลนด์
ญี่ปุ่น@เชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยฌาน |
สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ พิชิตมารวิกรม ปฐมสัมมาสัมโพธิญาณ ศรีพระฌานบรรพต |
และที่ด้านหลังพระวิหารก็คือองค์พระธาตุดอยพระฌานที่มีมาแต่ดั้งเดิม เป็นพระธาตุเจดีย์สีขาวสะอาดที่มีปลียอดและฉัตรสีทอง ยามเมื่อสะท้อนกับแสงแดดยามเช้าจะเป็นภาพที่สวยงาม สร้างความอิ่มเอิบให้กับหัวใจ เมื่อพวกเราก้มกราบสักการะองค์พระธาตุเรียบร้อยแล้วเดินลงบันไดมาก็จะพบกับศาลาเฉลิมพระเกียรติและศาลาพระเจ้าห้าพระองค์
จากนั้นก็เดินทางไปยังบ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่เกิดทางธรณีวิทยา ตั้งอยู่รวมกันจำนวน 9 บ่อท่ามกลางโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
มีไอน้ำลอยกรุ่น พร้อมกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ โชยขึ้นมาจากบ่อ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 73
องศาเซลเซียส เป็นที่นิยมนำไข่ไก่และ ไข่นกกระทามา
แช่สำหรับไข่ไก่แช่นานประมาณ 17 นาที
ไข่แดงจะแข็งมีรสชาติมันอร่อย ส่วนไข่ขาวจะเหลว เมื่อนำมาปรุงเป็นยำไข่แช่น้ำแร่
จะเป็นเมนูขึ้นชื่อ อร่อยยิ่งนัก พวกเราบางคนอยากแช่น้ำแร่ก็ตรงไปยังแอ่งน้ำอุ่นที่ตั้งอยู่ติดกับบ่อน้ำพุร้อน
เป็นแอ่งน้ำแร่ที่เกิดจากการไหลมาบรรจบกันของน้ำพุร้อนและน้ำเย็นที่มาจากน้ำตกแจ้ซ้อนทำให้เกิดเป็นน้ำอุ่น
ที่มีอุณหภูมิเหมาะแก่การแช่อาบ ส่วนคนที่ต้องการเป็นส่วนตัวที่นี่ก็มีห้องอาบน้ำแร่
สำหรับ 3-4 คน เป็นห้องรวมแบบตักอาบและบ่อสำหรับแช่อาบกลางแจ้ง
น้ำแร่ที่ใช้ต่อท่อโดยตรงมาจากบ่อน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิน้ำแร่ประมาณ 39-42 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถใช้แช่อาบได้ การอาบน้ำแร่มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ
ช่วยบำบัดความเมื่อยล้า ช่วยให้ระบบไฟหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้
เช่น กลาก เกลื้อน ผื่นคัน และยังช่วยบรรเทาอาการของโรคเกี่ยวกับกระดูก
แต่น้ำแร่จากที่นี่ไม่สามารถใช้ดื่มได้ เพราะมีแร่ธาตุบางชนิดสูงกว่ามาตรฐาน
อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง |
แล้วก็ได้เวลาอำลานครลำปางแวะจังหวัดพะเยา เพื่อสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง
ที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา ถนนเลียบกว๊านพะเยา อ.เมืองพะเยา
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างพากันมาไหว้ขอพร
พ่อขุนงำเมืองเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองภูกามยาว ลำดับที่ 9 (1801-1841) ในยุคของพระองค์เป็นยุคที่รุ่งเรืองมาก
มีการเล่าขานต่อกันมาว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปทางไหน "แดดก็บ่อฮ้อน
ฝนก็บ่อฮำ จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามว่า "งำเมือง"
นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นสหายร่วมสาบานกับพ่อขุนเม็งรายแห่งเมืองเชียงราย
และพ่อขุนรามคำแหงแห่งกรุงสุโขทัยอีกด้วย ซึ่งทั้ง 3
พระองค์ก็ได้เคยกระทำสัตย์ต่อกัน ณ แม่น้ำอิง บริเวณสถานีประมงน้ำจืดพะเยาในปัจจุบัน
ชมความสวยงามของกว๊านพะเยาแล้ว พวกเราก็เดินทางไปวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงรายทันที
วัดร่องขุ่นเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย
โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรเอกของไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก 3
สิ่งต่อไปนี้คือ ชาติ ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์
จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ศาสนา
ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น
จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ จากการเข้าเฝ้าฯ
ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก
จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ดังนั้นอาจารย์จึงได้สร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน
โดยปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ ปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ
12 ไร่ เมื่อไปถึงพกเราก็จะเห็นพระอุโบสถสีขาวที่วิจิตรตระการตา
ประดับด้วยกระจกแวววาวบนปูนปั้นเป็นลายไทย
กว๊านพะเยา |
จากนั้นพวกเราก็เดินข้ามมาอีกฟากถนนเพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของกว๊านพะเยา
ทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 4 ของประเทศไทย ถือเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญที่สุดของจังหวัดพะเยา
เป็นทั้งแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญที่สุดของภาคเหนือตอนบน
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในยามเย็นจะชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามมาก
นักท่องเที่ยวจะนิยมมาล่องเรือชมบรรยากาศ
รวมถึงชมวัดติโลกอารามที่จมอยู่ใต้กว๊านพะเยาอีกด้วย
วัดร่องขุ่น |
เมื่อเดินเข้าไปภายใน พวกเราก็เดินข้ามสะพาน เหมือนเป็นการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ
ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็กหมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามาร
หรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์
ผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปากพญามาร
เพื่อเป็นการชำระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป
บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน 16 ตัว ข้างละ 8 ตัว อุปกิเลส 16
จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมระ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำ หมายถึง สันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์ หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้บูชา และเมื่อเดินเข้าไปในพระอุโบสถเราจะเห็นภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถก็เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง
จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมระ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำ หมายถึง สันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์ หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้บูชา และเมื่อเดินเข้าไปในพระอุโบสถเราจะเห็นภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถก็เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง
จากวัดร่องขุ่น
พวกเราก็เดินทางมาชมความวิจิตรที่งดงามอีกแห่งหนึ่งที่วัดร่องเสือเต้น
ริมแม่น้ำกก อ.เมือง เป็นหนึ่งในศาสนสถานท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
งดงามด้วยศิลปะแห่งพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ทั้งในเรื่องสถาปัตยกรรม
ความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งสีสันเฉดสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองที่ดึงดูดใจ
อันเกิดจากการสร้างสรรค์ของนายพุทธา กาบแก้ว (สล่านก)
ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเป็นลูกศิษย์อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
เมื่อเดินเข้าไปภายในวัด
จะพบกับความงดงามของประติมากรรมบันไดพญานาคทางขึ้นพระวิหาร ที่มีลักษณะโค้งงอสวยงามและน่าเกรงขามอยู่ในตัว
เป็นรูปแบบศิลปะที่ใช้เฉดสีเดียวกัน
มีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
โดยได้นำเอารูปแบบผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ผู้สร้างบ้านดำ จ.เชียงราย
ที่มีความโดดเด่นเรื่องเขาและงามาประยุกต์ใช้
โดยเฉพาะช่วงเขี้ยวของพญานาคมีความพลิ้วไหว อ่อนช้อย
และเมื่อเดินเข้ามาในตัววิหารที่ถือว่าเป็นทิพยสถาน
คือเป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าทั้งในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม
เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิ และปัญญาตามมา
พวกเราก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับภาพจิตรกรรมฝาผนังอลังการที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
มีลายเส้นสวยงาม โดยใช้เฉดสีน้ำเงินฟ้ามีลวดลายที่อ่อนช้อยงดงาม
พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ |
มีพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถสีขาวมุก
พระประธาน โดยมีพระรอดลำพูนจำนวน 88,000 องค์
และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้
รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จ
พระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังได้รับพระราชทานนามพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ
ที่หมายความว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล
เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก” นอกจากนั้นด้านหลังวิหารมีพระพุทธรูปสีขาวปางห้ามญาติองค์ใหญ่ประดิษฐานตรงด้านหลัง
ถัดไปคือ
"พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์" มีความสูง 20 ม.
โดยยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปรินายก
ตามด้วยวัดห้วยปลากั้ง
อ.เมือง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาและมีเนินเขารายรอบวัดสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
เมื่อไปถึงเราจะเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมสีขาวขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและพบโชคธรรมเจดีย์ตั้งตระหง่านโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล
วัดห้วยปลากั้งเป็นวัดร้างมาตั้งแต่โบราณกาล ไม่ทราบประวัติการสร้างแน่ชัด
ต่อมาพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส ได้บูรณะและก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นจำนวนมากจึงกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงราย
ซึ่งเชื่อกันว่าหากใครได้มาเยือนจะเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์
พบโชคธรรมเจดีย์ |
เมื่อไปถึงพวกเราก็เดินไปยังพบโชคธรรมเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่สูง 9 ชั้น
รูปทรงแปลกตาลักษณะเป็นทรงแหลม ศิลปะจีนผสมล้านนา
หลังคาสีแดงมีรูปปั้นมังกรทอดยาวทั้งสองข้างบันได ล้อมรอบด้วยเจดีย์ เล็กๆ 12
ราศี ชั้นแรกมมีองค์เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรที่มีขนาดใหญ่แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมที่นำมาจากประเทศจีน
อินเดีย พม่า ส่วนชั้น 2 และ 3 เป็นเจ้าแม่กวนอิมปางประทับยืนและปางประทับนั่ง
ชั้น 4 ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธโสธร ชั้น 5 เป็นเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ ส่วนชั้น 6
เป็นหลวงปู่โต พรหมรังสีและหลวงปู่ทวด ชั้น 7 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก
ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงห์ ชั้น 8 เป็นพระสังกัจจายน์ (พระศรีอริยเมตไตรย) เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ
ความร่ำรวย ประทานทรัพย์ ประทานพร และชั้น 9 พระอิศวร
องค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ |
จากนั้นพวกเราก็นั่งรถรางของวัดไปที่องค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ ที่ความสูง
79 ม. เทียบเท่ากับตึกสูง 25-26 ชั้น
ซึ่งพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส สร้างตามนิมิต
พวกเราต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 22-23
ซึ่งภายในเป็นประติมากรรมปูนปั้นสีขาวที่สวยงามมากเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมหลายปาง
ซึ่งแต่ละปางก็จะขอพรแตกต่างกันไป เช่น เจ้าแม่กวนอิมปางเภสัช ปางปราบมารสามหน้า ปางประธานยศ-ตำแหน่ง
และปางประทานทรัพย์ รวมทั้งเทพโป๊ยเซียน และที่ชั้น 23
ก็เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นภูมิทัศน์ของเชียงราย
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีภัตตาคารพบโชค เป็นโรงอาหารสำหรับเด็กกำพร้าและคนชราประมาณ
200 กว่าชีวิตที่พระอาจารย์พบโชคท่านอุปการะเลี้ยงดู และยังมีพบโชคคลินิก ให้บริการรักษาโรคฟรี
แล้วก็ได้เวลาเดินทางสู่ไร่บุญรอด
(สิงห์ปาร์ค) เพื่อร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ณ ห้องอาหารภูภิรมย์ โดยมีนายกิตติ
ทิศสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย นายไกรสร กลับทวี
ที่ปรึกษาประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย นางสาวกรุณา เดชาติวงค์ ณ
อยุธยา ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเชียงราย และนายเสริฐ ไชยยานันตา
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย มาให้การต้อนรับ พร้อมร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยว
รวมทั้งแนะนำแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย
หลังอิ่มหนำสำราญพวกเราก็เดินทางเข้าโรงแรมคำธนา โคโลเนียลเชียงราย ที่พัก
เช้าวันใหม่
พวกเราเดินทางไปที่โครงการพัฒนาดอยตุง
เริ่มจากพระตำหนักดอยตุง สถานที่ทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบล้านนากับบ้าน พื้นเมืองของสวิส
สร้างบนไหล่เนิน มองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลสุดสายตา
มีไม้ดอกไม้ประดับที่ผลิดอกสวยงามตลอดทั้งปี
ภายในตำหนักล้วนใช้ไม้สนและไม้ลังที่ใส่สินค้าเป็นเนื้อไม้สีอ่อนที่สวยงาม
และสิ่งที่น่าสนใจคือเพดานดาวภายในท้องพระโรงแกะสลักขึ้นจากไม้สนภูเขาเป็นกลุ่มดาวต่างๆ
ล้อมรอบระบบสุริยะ ส่วนบริเวณผนังเชิงบันไดแกะสลักเป็นพยัญชนะไทย พร้อมภาพประกอบ
ชมสิ่งที่ต้องตาต้องใจของพระตำหนักดอยตุงแล้ว ก็เดินมาชมสวนแม่ฟ้าหลวง เป็นสวนไม้ดอกประดับนานาพรรณ
ดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ ดอกลำโพง ไม้มงคลต่างๆ
รวมทั้งไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลื้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด
ตรงกลางมีรูปปั้นต่อเนื่องจากฝีมือการปั้นของมีเซียมยิปอินซอย จัดทางเดินไว้เป็นสัดส่วน
มีศาลาชมวิวและร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก
และในบริเวณใกล้กับสวนแม่ฟ้าหลวงจะมีหอพระราชประวัติ
ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
จากนั้นก็เดินทางต่อไปสักการะพระธาตุดอยตุง ที่วัดพระมหาชินธาตุเจ้า
(วัดพระธาตุดอยตุง) ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุดอยตุงสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราช
กษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธุ์ (ปัจจุบันคืออ.แม่จัน)
พระมหากัสสปะเถระได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระรากขวัญเบื้องซ้าย
(กระดูกไหปลาร้า) แล้วมอบให้แก่พระเจ้าอชุตราช
ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นไว้บนดอยแห่งนี้ ต่อมาในสมัยพญามังราย
แห่งราชวงศ์มังราย พระมหาวชิรโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวาย 50 องค์
พระองค์จึงให้สร้างพระเจดีย์อีกองค์ใกล้กับเจดีย์องค์เดิม
นับจากนั้นเป็นต้นมาพระธาตุดอยตุงจึงได้มีเจดีย์สององค์มาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาได้มีการบูรณะองค์พระธาตุครั้งใหญ่ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร (พระบรมโอรสาธิราชในขณะนั้น) เสด็จมาเป็นองค์ประธานเททอง
ในการบูรณะครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงองค์พระเจดีย์
บุด้วยกระเบื้องโมเสดสีทอง มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 8 ซุ้ม มีฉัตรประดับทั้ง 4
มุม ดังที่เห็นปรากฏในทุกวันนี้
ได้บุญกุศลกันถ้วนหน้า
ก็ได้เวลาเดินทางไปดอยผาฮี้ อ.แม่สาย เราต้องผ่านดอยช้างมูบ
ที่มีฐานปฎิบัติการทางทหารดอยช้างมูบ เป็นเขตชายแดนระหว่างไทยกับพม่า
จากฐานปฏิบัติการไปดอยผาฮี้ ระหว่างทางเราจะเห็นดอกซากุระเมืองไทย
(ดอกนางพญาเสือโคร่ง) ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งเต็มทิวเขาสวยงามมาก
แล้วก็ถึงดอยผาฮี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนเขาเผ่าอาข่าบ้านผาฮี้
ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งการปลูกใบชาและกาแฟ
เมื่อก่อนที่นี่เป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น จนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เข้ามาเปลี่ยนความคิดของชาวเขาซึ่งเป็นราษฎรของพระองค์
โดยพระองค์ได้ทรงแนะนำ รวมทั้งผลักดันอาชีพปลูกกาแฟ จนเป็นรายได้หลัก
ตั้งแต่พวกเราเดินเข้ามาที่หมู่บ้านแห่งนี้
เราจะเห็นเมล็ดกาแฟและใบชาที่ชาวบ้านนำมาตากแห้งไว้รอนำไปคั่วอีกครั้ง
จึงไม่แปลกใจเลยที่หมู่บ้านผาฮี้แห่งนี้จะเต็มไปด้วยร้านกาแฟหลากหลายร้านเช่นกัน
แต่ร้านกาแฟที่เราจะพาทุกคนไปคือร้านกาแฟผาฮี้
ที่มีความพิเศษที่ถือว่าเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของบ้านผาฮี้
นั่นก็คือความที่เป็นร้านกาแฟบ้านๆ แต่มีวิวระดับโลกอยู่เบื้องหน้านั่นเอง
ซึ่งถือเป็นมุมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้
เพราะจากที่ตั้งของร้านนี้จะมีโซนให้นั่งห้อยขาชมวิวบรรยากาศแบบพาโนรามาซึ่งห้อมล้อมไปด้วยขุนเขาที่อุดมสบูรณ์ไปด้วยป่าไม่เขียวขจี
มีลมพัดผ่านเย็นสบาย กาแฟหอมๆ สักถ้วย นั่งห้อยขาทอดบรรยากาศ
ดื่มด่ำกับความสุขของการเดินทาง เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายถึงความสุขนี้จริงๆ
ส่วนอีกหนึ่งร้านคือร้านผาฮี้ เมาท์เท่น วิว อีกหนึ่งร้านกาแฟวิวสวยที่อยู่สูงขึ้นมาจากร้านกาแฟผาฮี้
เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่ารูปภาพมุมสวยๆ ที่คุณจะได้รับจะต้องเป็นมุมที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครแน่นอน
จากจุดนี้ทำให้เราได้เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านถึงบอกว่าหมู่บ้านของตัวเองนั้นได้รับสมญานามว่าเป็น
“มาชูปิกชูของเมืองไทย” ก็เพราะว่าเมื่อมองลงไปที่หมู่บ้านจากมุมสูงนั้นจะเห็นบ้านนับสิบหลังที่ตั้งเรียงรายกันไปตามไหล่เขา
โอบล้อมไปด้วยภูเขาใหญ่ มองดูคล้ายกับมาชูปิกชูมากๆ ดื่มด่ำกับความหอมของกาแฟจนพอใจ
ก็ได้เวลาเดินเล่นในหมู่บ้าน
ผ่านลานสาวกอดที่เป็นที่ตั้งของชิงช้าเผ่าอาข่าประจำหมู่บ้าน
สามารถมายืนชมวิวกันในจุดนี้ได้ เพราะลานนี้มีความโล่งไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ
เดินไปอีกนิดก็จะมีตลาดชาวเขาให้นักท่องเที่ยวได้เดินเลือกซื้อของกินของใช้
และจุดสุดท้ายของเราที่บ้านผาฮี้นั้นก็คือประตูผี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน
โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าประตูผีนี้จะคอยคุ้มกันและขจัดสิ่งชั่วร้ายออกจากหมู่บ้านนั่นเอง
นับได้ว่าหมู่บ้านผาฮี้แห่งนี้มีความงดงามทางด้านวัฒนธรรมที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามของธรรมชาติ
ชมวิวจนเต็มอิ่ม
พวกเราก็เดินทางต่อไปที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่โด่งดังจากภารกิจกู้ภัย
13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมี เมื่อไปถึงนายกวี ประสมพล
หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานก็มาให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปคร่าวๆ
เกี่ยวกับเหตุการณ์ 13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมีติดถ้ำ รวมทั้งภารกิจกู้ภัย
จากนั้นก็พาไปชมอนุสาวรีย์จ่าแซม-นาวาตรีสมาน กุนัน ฮีโร่ถ้ำหลวงซึ่งหล่อด้วยโลหะบรอนซ์
ตามด้วยภาพวาดเดอะฮีโร่
ภาพประวัติศาสตร์บอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์และบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการร่วมค้นหาและช่วยเหลือนักเตะเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง
13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยศิลปินขัวศิลปะเชียงรายกว่า 300
ชีวิต นำโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้ช่วยกันวาดขึ้น
จากนั้นก็พาไปชมปากถ้ำหลวง-ขุนนางนอน
ถ้ำหลวง-ขุนนางนอนเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่มีความยาวมากกว่า 7 กม.
ถือเป็นถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย
ภายในถ้ำจะพบกับความงามของเกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด
แต่การเดินทางเข้าไปชมนั้นค่อนข้างลำบากทีเดียว ควรมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยทุกครั้ง
โดยจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ คือโถงถ้ำ มีอยู่ 3 โถงด้วยกัน
คือโถงปากถ้ำ โถงที่ 2 และ 3 นครบาดาล โถงพัทยาบีชที่
จุดเนินนมสาวที่ทีมกู้ภัยพบทั้ง 13 ชีวิต โถงลับแล และยังมีจุดต่างๆ ให้แวะชม เช่น
ท้องฟ้าจำลอง เขาวกวน ถ้ำกระดูก เจดีย์ทราย มงกุฎเพชร ลานเพลิน บ่อน้ำทิพย์
หินย้อยรูปสไบ นครลอยฟ้า ฯลฯ
ตามรอย13
ชีวิตหมูป่าอะคาเดมีแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปที่ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่จัน
ไร่ชาเก่าแก่กว่า 500 ไร่ ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติและทิวเขาที่สวยงาม
เมื่อเรามาถึงด้านหน้าไร่ชาฉุยฟง ก็จะเห็นแลนด์มาร์คที่สวยงาม
เป็นไร่ชาที่ปลูกลดหลั่นเป็นขั้นบันไดบนภูเขาสูง พอขึ้นไปด้านบนก็จะถึงฉุยฟง ที
คาเฟ่ เป็นอาคาร open air ที่เป็นลานกว้าง
ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปวิวสวยๆ ของ ไร่ชาที่โค้งไปตามไหล่เขาที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดแบบพาโนรามา
ดูสวยงามมากๆ และที่นี่ยังให้บริการเครื่องดื่ม ชาเขียว เบอเกอรี่ ไอศกรีม
และเป็นจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของทางไร่ชาด้วย
ปิดท้ายด้วยการไปเที่ยวญี่ปุ่น
โดยไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่น ที่ฮิโนกิแลนด์ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ อาณาจักรไม้ฮิโนกิแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย
สร้างเป็นเมืองจำลองแบบญี่ปุ่นขนานแท้ เริ่มจากอาคารซุ้มประตูทางเข้าที่จำลองประตูอสุนีของศาลเจ้าอาซากุสะที่โตเกียว
โดดเด่นด้วยโคมสีแดง เขียนด้วยตัวอักษรสีดำว่า “คามินาริ”
ซึ่งเป็นชื่อของประตูตามต้นแบบ พ้นจากโถงต้อนรับก็จะพบกับอุโมงค์เสาโทริอิจำลอง
จำนวน 88 ต้น ซึ่งอุโมงค์จะพาไปบรรจบกับลานด้านหน้าปราสาทฮิโนกิ ที่สร้างขึ้นจากไม้สนฮิโนกิทั้งหลังตามแบบปราสาทดั้งเดิมของโชกุน
ที่จำลองมาจากปราสาททองคินคาคุจิในเมืองเกียวโตด้วยสัดส่วน 1 ต่อ 3
(ปราสาทจำลองมีขนาดใหญ่กว่าปราสาทของจริงถึง 3 เท่า) มีทั้งหมด 4 ชั้น
ที่ชั้นบนของปราสาทประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิม (แกะสลักจากไม้สนฮิโนกิ) ภายในอบอวลด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันในเนื้อไม้
ขณะที่พื้นผิวสีทองอร่ามและความเนียนเรียบบนพื้นผิวที่ห่อหุ้มลวดลายธรรมชาติของเนื้อไม้ก็สร้างสุนทรียภาพในแทบทุกโสตสัมผัสขณะเหยียบย่างอยู่ภายในอาคาร
ด้านข้างของปราสาทยังเป็นบ่อปลาคาร์ป และอาคารแสดงสินค้าจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
เรื่อง/ภาพ...อนุรักษ์ มงคลชัยประทีป/พรพรรณ ท้าวกาหลง
ID.Line ..rakphoto
Website..www.daosiamnews.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น