วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

หนาวนี้แอ่วลำปาง เที่ยว “เชียงราย แต้ แต้” แวะฮิโนกิแลนด์ ญี่ปุ่น@เชียงใหม่


หนาวนี้แอ่วลำปาง เที่ยว เชียงราย แต้ แต้แวะฮิโนกิแลนด์ ญี่ปุ่น@เชียงใหม่



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย ร่วมกับ บริษัทเมืองไทย ครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์ จัดทริปท่องเที่ยว หนาวนี้ที่ลำปาง เชียงราย แต้ แต้ เชียงใหม่ นำนักท่องเที่ยวกว่า 100 คน นั่งรถไฟขบวนพิเศษ อุตราวิถีตู้นอนปรับอากาศมุ่งหน้าสู่จ.ลำปาง เมื่อไปถึงลำปางเวลา 05.00 น. พวกเราก็เปลี่ยนไปนั่งรถตู้วีไอพี เดินทางไปที่วัดพระธาตุดอยพระฌาน อ.แม่ทะ เป็นวัดที่งดงามตั้งอยู่บนยอดดอยพระฌาน 
วัดพระธาตุดอยฌาน ไอที rakfungthon
วัดพระธาตุดอยฌาน
เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น ชมทิวทัศน์ตัวอ.แม่ทะและทุ่งนากว้างใหญ่ มีฉากหลังเป็นภูเขาสลับซับซ้อน มองเห็นสะพานสีขาวทอดข้ามอ่างเก็บน้ำอยู่ลิบๆ ท่ามกลางทะเลหมอกอากาศเย็นสบาย พระอาจารย์พรชัย อคฺควํโส เจ้าอาวาสวัดองค์ปัจจุบัน เล่าว่าท่านได้นิมิตว่ามีคนบอกให้ท่านจำพรรษาที่มีพระธาตุสีขาวที่จังหวัดลำปาง จากนั้นปี 2551 ท่านได้ขึ้นมาสำรวจบนดอยพระฌาน ได้พบบ่อน้ำและศาลาบำเพ็ญกุศลหลังเล็ก จนมาพบองค์พระธาตุสีขาว ยอดพระธาตุบุแผ่นทองจังโก้ และในปี 2552 ท่านก็ได้เริ่มบูรณะพื้นที่และก่อสร้างวัดพระธาตุดอยพระฌานจนกลายเป็นวัดที่งดงามดั่งเช่นในปัจจุบัน เมื่อแสงแดดสาดส่องทำให้พวกเราเห็นความสวยงามของวัดพระธาตุดอยพระฌาน จากลานด้านหน้ามีบันไดนาคที่ทอดตัวขึ้นไปยังพระวิหาร ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ พิชิตมารวิกรม ปฐมสัมมาสัมโพธิญาณ ศรีพระฌานบรรพตในซุ้มเรือนแก้วสีทองอร่าม
วัดพระธาตุดอยฉาน ไอที rakfungthon
สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ พิชิตมารวิกรม ปฐมสัมมาสัมโพธิญาณ ศรีพระฌานบรรพต
ภายในวิหารยังประดับด้วยงานแกะสลักปิดทองที่งดงามอ่อนช้อย โดยเฉพาะชิ้นงานแกะสลักเหนือบานประตูฝั่งตรงข้ามกับพระประธานที่เป็นรูปพญานาคกระหวัดเกี่ยวรอบองค์พระธาตุสีขาวนั้นถือได้ว่าวิจิตรงดงาม เมื่อกราบพระประธานเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินออกมาทางด้านหลังจะพบกับความงามของ
ต้นโพธิ์สีทอง ที่วาดลวดลายลงบนตัววิหารที่มีพื้นสีดำ


วัดพระธาตุดอยฉาน ไอที rakfungthon


และที่ด้านหลังพระวิหารก็คือองค์พระธาตุดอยพระฌานที่มีมาแต่ดั้งเดิม เป็นพระธาตุเจดีย์สีขาวสะอาดที่มีปลียอดและฉัตรสีทอง ยามเมื่อสะท้อนกับแสงแดดยามเช้าจะเป็นภาพที่สวยงาม สร้างความอิ่มเอิบให้กับหัวใจ เมื่อพวกเราก้มกราบสักการะองค์พระธาตุเรียบร้อยแล้วเดินลงบันไดมาก็จะพบกับศาลาเฉลิมพระเกียรติและศาลาพระเจ้าห้าพระองค์และในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 (เดือน 9 ของทางเหนือ) ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีประเพณีขึ้นดอยพระฌาน สักการะพระธาตุ

จากนั้นก็เดินทางไปยังบ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อน ในอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่เกิดทางธรณีวิทยา ตั้งอยู่รวมกันจำนวน 9 บ่อท่ามกลางโขดหินน้อยใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป มีไอน้ำลอยกรุ่น พร้อมกลิ่นกำมะถันอ่อนๆ โชยขึ้นมาจากบ่อ มีอุณหภูมิเฉลี่ย 73 องศาเซลเซียส เป็นที่นิยมนำไข่ไก่และ ไข่นกกระทามา แช่สำหรับไข่ไก่แช่นานประมาณ 17 นาที ไข่แดงจะแข็งมีรสชาติมันอร่อย ส่วนไข่ขาวจะเหลว เมื่อนำมาปรุงเป็นยำไข่แช่น้ำแร่ จะเป็นเมนูขึ้นชื่อ อร่อยยิ่งนัก พวกเราบางคนอยากแช่น้ำแร่ก็ตรงไปยังแอ่งน้ำอุ่นที่ตั้งอยู่ติดกับบ่อน้ำพุร้อน เป็นแอ่งน้ำแร่ที่เกิดจากการไหลมาบรรจบกันของน้ำพุร้อนและน้ำเย็นที่มาจากน้ำตกแจ้ซ้อนทำให้เกิดเป็นน้ำอุ่น ที่มีอุณหภูมิเหมาะแก่การแช่อาบ ส่วนคนที่ต้องการเป็นส่วนตัวที่นี่ก็มีห้องอาบน้ำแร่ สำหรับ 3-4 คน เป็นห้องรวมแบบตักอาบและบ่อสำหรับแช่อาบกลางแจ้ง น้ำแร่ที่ใช้ต่อท่อโดยตรงมาจากบ่อน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิน้ำแร่ประมาณ 39-42 องศาเซลเซียส ซึ่งสามารถใช้แช่อาบได้ การอาบน้ำแร่มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยบำบัดความเมื่อยล้า ช่วยให้ระบบไฟหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ เช่น กลาก เกลื้อน ผื่นคัน และยังช่วยบรรเทาอาการของโรคเกี่ยวกับกระดูก แต่น้ำแร่จากที่นี่ไม่สามารถใช้ดื่มได้ เพราะมีแร่ธาตุบางชนิดสูงกว่ามาตรฐาน
อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ไอที rakfungthon
อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง

 แล้วก็ได้เวลาอำลานครลำปางแวะจังหวัดพะเยา เพื่อสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง ที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา ถนนเลียบกว๊านพะเยา อ.เมืองพะเยา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างพากันมาไหว้ขอพร พ่อขุนงำเมืองเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองภูกามยาว ลำดับที่ 9 (1801-1841) ในยุคของพระองค์เป็นยุคที่รุ่งเรืองมาก มีการเล่าขานต่อกันมาว่า ไม่ว่าพระองค์จะเสด็จไปทางไหน "แดดก็บ่อฮ้อน ฝนก็บ่อฮำ จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด" นั่นจึงเป็นที่มาของพระนามว่า "งำเมือง" นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นสหายร่วมสาบานกับพ่อขุนเม็งรายแห่งเมืองเชียงราย และพ่อขุนรามคำแหงแห่งกรุงสุโขทัยอีกด้วย ซึ่งทั้ง 3 พระองค์ก็ได้เคยกระทำสัตย์ต่อกัน ณ แม่น้ำอิง บริเวณสถานีประมงน้ำจืดพะเยาในปัจจุบัน
กว๊านพะเยา ไอที rakfungthon
กว๊านพะเยา

จากนั้นพวกเราก็เดินข้ามมาอีกฟากถนนเพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามของกว๊านพะเยา ทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 4 ของประเทศไทย   ถือเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญที่สุดของจังหวัดพะเยา เป็นทั้งแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญที่สุดของภาคเหนือตอนบน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในยามเย็นจะชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามมาก นักท่องเที่ยวจะนิยมมาล่องเรือชมบรรยากาศ  รวมถึงชมวัดติโลกอารามที่จมอยู่ใต้กว๊านพะเยาอีกด้วย

วัดร่องขุ่น ไอที rakfungthon
วัดร่องขุ่น 
ชมความสวยงามของกว๊านพะเยาแล้ว พวกเราก็เดินทางไปวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงรายทันที วัดร่องขุ่นเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรเอกของไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก 3 สิ่งต่อไปนี้คือ ชาติ ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ศาสนา ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดังนั้นอาจารย์จึงได้สร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน โดยปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ ปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 12 ไร่ เมื่อไปถึงพกเราก็จะเห็นพระอุโบสถสีขาวที่วิจิตรตระการตา ประดับด้วยกระจกแวววาวบนปูนปั้นเป็นลายไทย
วัดร่องขุ่น ไอที rakfungthon

เมื่อเดินเข้าไปภายใน พวกเราก็เดินข้ามสะพาน เหมือนเป็นการเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็กหมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามาร หรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน 16 ตัว ข้างละ 8 ตัว อุปกิเลส 16
วัดร่องขุ่น ไอที rakfungthon
 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมระ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำ หมายถึง สันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์ หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้บูชา และเมื่อเดินเข้าไปในพระอุโบสถเราจะเห็นภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถก็เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง

            จากวัดร่องขุ่น พวกเราก็เดินทางมาชมความวิจิตรที่งดงามอีกแห่งหนึ่งที่วัดร่องเสือเต้น ริมแม่น้ำกก  อ.เมือง เป็นหนึ่งในศาสนสถานท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง งดงามด้วยศิลปะแห่งพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ทั้งในเรื่องสถาปัตยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งสีสันเฉดสีน้ำเงินฟ้าตัดกับสีทองที่ดึงดูดใจ อันเกิดจากการสร้างสรรค์ของนายพุทธา กาบแก้ว (สล่านก) ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งเป็นลูกศิษย์อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์


เมื่อเดินเข้าไปภายในวัด จะพบกับความงดงามของประติมากรรมบันไดพญานาคทางขึ้นพระวิหาร ที่มีลักษณะโค้งงอสวยงามและน่าเกรงขามอยู่ในตัว เป็นรูปแบบศิลปะที่ใช้เฉดสีเดียวกัน มีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด โดยได้นำเอารูปแบบผลงานของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ผู้สร้างบ้านดำ จ.เชียงราย ที่มีความโดดเด่นเรื่องเขาและงามาประยุกต์ใช้  โดยเฉพาะช่วงเขี้ยวของพญานาคมีความพลิ้วไหว อ่อนช้อย และเมื่อเดินเข้ามาในตัววิหารที่ถือว่าเป็นทิพยสถาน คือเป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าทั้งในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิ และปัญญาตามมา พวกเราก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับภาพจิตรกรรมฝาผนังอลังการที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ มีลายเส้นสวยงาม โดยใช้เฉดสีน้ำเงินฟ้ามีลวดลายที่อ่อนช้อยงดงาม
พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ

มีพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถสีขาวมุก พระประธาน โดยมีพระรอดลำพูนจำนวน 88,000 องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายสิ่งถูกฝังอยู่ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรก็ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังได้รับพระราชทานนามพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ที่หมายความว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคล เจ้าในความเป็นราชา เป็นที่พึ่งในสามโลก นอกจากนั้นด้านหลังวิหารมีพระพุทธรูปสีขาวปางห้ามญาติองค์ใหญ่ประดิษฐานตรงด้านหลัง ถัดไปคือ  "พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์" มีความสูง 20 ม. โดยยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุจากสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก



ตามด้วยวัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาและมีเนินเขารายรอบวัดสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เมื่อไปถึงเราจะเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมสีขาวขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและพบโชคธรรมเจดีย์ตั้งตระหง่านโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล วัดห้วยปลากั้งเป็นวัดร้างมาตั้งแต่โบราณกาล ไม่ทราบประวัติการสร้างแน่ชัด ต่อมาพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส ได้บูรณะและก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นจำนวนมากจึงกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงราย ซึ่งเชื่อกันว่าหากใครได้มาเยือนจะเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์
พบโชคธรรมเจดีย์

เมื่อไปถึงพวกเราก็เดินไปยังพบโชคธรรมเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่สูง 9 ชั้น รูปทรงแปลกตาลักษณะเป็นทรงแหลม ศิลปะจีนผสมล้านนา หลังคาสีแดงมีรูปปั้นมังกรทอดยาวทั้งสองข้างบันได ล้อมรอบด้วยเจดีย์ เล็กๆ 12 ราศี  ชั้นแรกมมีองค์เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรที่มีขนาดใหญ่แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมที่นำมาจากประเทศจีน อินเดีย พม่า ส่วนชั้น 2 และ 3 เป็นเจ้าแม่กวนอิมปางประทับยืนและปางประทับนั่ง ชั้น 4 ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธโสธร ชั้น 5 เป็นเจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ ส่วนชั้น 6 เป็นหลวงปู่โต พรหมรังสีและหลวงปู่ทวด ชั้น 7 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงห์ ชั้น 8 เป็นพระสังกัจจายน์ (พระศรีอริยเมตไตรย) เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ความร่ำรวย ประทานทรัพย์ ประทานพร และชั้น 9 พระอิศวร
องค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ 



จากนั้นพวกเราก็นั่งรถรางของวัดไปที่องค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ ที่ความสูง 79 ม. เทียบเท่ากับตึกสูง 25-26 ชั้น   ซึ่งพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส สร้างตามนิมิต พวกเราต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 22-23 ซึ่งภายในเป็นประติมากรรมปูนปั้นสีขาวที่สวยงามมากเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิมหลายปาง ซึ่งแต่ละปางก็จะขอพรแตกต่างกันไป เช่น เจ้าแม่กวนอิมปางเภสัช ปางปราบมารสามหน้า ปางประธานยศ-ตำแหน่ง และปางประทานทรัพย์ รวมทั้งเทพโป๊ยเซียน และที่ชั้น 23 ก็เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นภูมิทัศน์ของเชียงราย  นอกจากนี้ภายในวัดยังมีภัตตาคารพบโชค เป็นโรงอาหารสำหรับเด็กกำพร้าและคนชราประมาณ 200 กว่าชีวิตที่พระอาจารย์พบโชคท่านอุปการะเลี้ยงดู และยังมีพบโชคคลินิก ให้บริการรักษาโรคฟรี 
แล้วก็ได้เวลาเดินทางสู่ไร่บุญรอด (สิงห์ปาร์ค) เพื่อร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ ณ ห้องอาหารภูภิรมย์ โดยมีนายกิตติ ทิศสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย นายไกรสร กลับทวี ที่ปรึกษาประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จังหวัดเชียงราย นางสาวกรุณา เดชาติวงค์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเชียงราย และนายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย มาให้การต้อนรับ พร้อมร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยว รวมทั้งแนะนำแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย หลังอิ่มหนำสำราญพวกเราก็เดินทางเข้าโรงแรมคำธนา โคโลเนียลเชียงราย ที่พัก
เช้าวันใหม่ พวกเราเดินทางไปที่โครงการพัฒนาดอยตุง  เริ่มจากพระตำหนักดอยตุง สถานที่ทรงงานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบล้านนากับบ้าน พื้นเมืองของสวิส สร้างบนไหล่เนิน มองเห็นทิวทัศน์ได้ไกลสุดสายตา มีไม้ดอกไม้ประดับที่ผลิดอกสวยงามตลอดทั้งปี ภายในตำหนักล้วนใช้ไม้สนและไม้ลังที่ใส่สินค้าเป็นเนื้อไม้สีอ่อนที่สวยงาม และสิ่งที่น่าสนใจคือเพดานดาวภายในท้องพระโรงแกะสลักขึ้นจากไม้สนภูเขาเป็นกลุ่มดาวต่างๆ ล้อมรอบระบบสุริยะ ส่วนบริเวณผนังเชิงบันไดแกะสลักเป็นพยัญชนะไทย พร้อมภาพประกอบ ชมสิ่งที่ต้องตาต้องใจของพระตำหนักดอยตุงแล้ว ก็เดินมาชมสวนแม่ฟ้าหลวง เป็นสวนไม้ดอกประดับนานาพรรณ ดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ ดอกลำโพง ไม้มงคลต่างๆ รวมทั้งไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลื้อยอีกมากกว่า 70 ชนิด ตรงกลางมีรูปปั้นต่อเนื่องจากฝีมือการปั้นของมีเซียมยิปอินซอย จัดทางเดินไว้เป็นสัดส่วน มีศาลาชมวิวและร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก  และในบริเวณใกล้กับสวนแม่ฟ้าหลวงจะมีหอพระราชประวัติ ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากนั้นก็เดินทางต่อไปสักการะพระธาตุดอยตุง ที่วัดพระมหาชินธาตุเจ้า (วัดพระธาตุดอยตุง) ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุดอยตุงสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธุ์ (ปัจจุบันคืออ.แม่จัน) พระมหากัสสปะเถระได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) แล้วมอบให้แก่พระเจ้าอชุตราช ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นไว้บนดอยแห่งนี้ ต่อมาในสมัยพญามังราย แห่งราชวงศ์มังราย พระมหาวชิรโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวาย 50 องค์ พระองค์จึงให้สร้างพระเจดีย์อีกองค์ใกล้กับเจดีย์องค์เดิม นับจากนั้นเป็นต้นมาพระธาตุดอยตุงจึงได้มีเจดีย์สององค์มาจนถึงทุกวันนี้  ต่อมาได้มีการบูรณะองค์พระธาตุครั้งใหญ่  โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (พระบรมโอรสาธิราชในขณะนั้น) เสด็จมาเป็นองค์ประธานเททอง  ในการบูรณะครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงองค์พระเจดีย์ บุด้วยกระเบื้องโมเสดสีทอง มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 8 ซุ้ม มีฉัตรประดับทั้ง 4 มุม ดังที่เห็นปรากฏในทุกวันนี้
ได้บุญกุศลกันถ้วนหน้า ก็ได้เวลาเดินทางไปดอยผาฮี้ อ.แม่สาย เราต้องผ่านดอยช้างมูบ ที่มีฐานปฎิบัติการทางทหารดอยช้างมูบ เป็นเขตชายแดนระหว่างไทยกับพม่า จากฐานปฏิบัติการไปดอยผาฮี้ ระหว่างทางเราจะเห็นดอกซากุระเมืองไทย (ดอกนางพญาเสือโคร่ง) ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งเต็มทิวเขาสวยงามมาก แล้วก็ถึงดอยผาฮี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนเขาเผ่าอาข่าบ้านผาฮี้ ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งการปลูกใบชาและกาแฟ เมื่อก่อนที่นี่เป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น จนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เข้ามาเปลี่ยนความคิดของชาวเขาซึ่งเป็นราษฎรของพระองค์ โดยพระองค์ได้ทรงแนะนำ รวมทั้งผลักดันอาชีพปลูกกาแฟ จนเป็นรายได้หลัก ตั้งแต่พวกเราเดินเข้ามาที่หมู่บ้านแห่งนี้ เราจะเห็นเมล็ดกาแฟและใบชาที่ชาวบ้านนำมาตากแห้งไว้รอนำไปคั่วอีกครั้ง จึงไม่แปลกใจเลยที่หมู่บ้านผาฮี้แห่งนี้จะเต็มไปด้วยร้านกาแฟหลากหลายร้านเช่นกัน แต่ร้านกาแฟที่เราจะพาทุกคนไปคือร้านกาแฟผาฮี้ ที่มีความพิเศษที่ถือว่าเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของบ้านผาฮี้ นั่นก็คือความที่เป็นร้านกาแฟบ้านๆ แต่มีวิวระดับโลกอยู่เบื้องหน้านั่นเอง ซึ่งถือเป็นมุมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ เพราะจากที่ตั้งของร้านนี้จะมีโซนให้นั่งห้อยขาชมวิวบรรยากาศแบบพาโนรามาซึ่งห้อมล้อมไปด้วยขุนเขาที่อุดมสบูรณ์ไปด้วยป่าไม่เขียวขจี มีลมพัดผ่านเย็นสบาย กาแฟหอมๆ สักถ้วย นั่งห้อยขาทอดบรรยากาศ ดื่มด่ำกับความสุขของการเดินทาง เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายถึงความสุขนี้จริงๆ ส่วนอีกหนึ่งร้านคือร้านผาฮี้ เมาท์เท่น วิว อีกหนึ่งร้านกาแฟวิวสวยที่อยู่สูงขึ้นมาจากร้านกาแฟผาฮี้ เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่ารูปภาพมุมสวยๆ ที่คุณจะได้รับจะต้องเป็นมุมที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครแน่นอน จากจุดนี้ทำให้เราได้เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านถึงบอกว่าหมู่บ้านของตัวเองนั้นได้รับสมญานามว่าเป็น มาชูปิกชูของเมืองไทยก็เพราะว่าเมื่อมองลงไปที่หมู่บ้านจากมุมสูงนั้นจะเห็นบ้านนับสิบหลังที่ตั้งเรียงรายกันไปตามไหล่เขา โอบล้อมไปด้วยภูเขาใหญ่ มองดูคล้ายกับมาชูปิกชูมากๆ ดื่มด่ำกับความหอมของกาแฟจนพอใจ ก็ได้เวลาเดินเล่นในหมู่บ้าน ผ่านลานสาวกอดที่เป็นที่ตั้งของชิงช้าเผ่าอาข่าประจำหมู่บ้าน สามารถมายืนชมวิวกันในจุดนี้ได้ เพราะลานนี้มีความโล่งไม่มีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ เดินไปอีกนิดก็จะมีตลาดชาวเขาให้นักท่องเที่ยวได้เดินเลือกซื้อของกินของใช้ และจุดสุดท้ายของเราที่บ้านผาฮี้นั้นก็คือประตูผี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าประตูผีนี้จะคอยคุ้มกันและขจัดสิ่งชั่วร้ายออกจากหมู่บ้านนั่นเอง นับได้ว่าหมู่บ้านผาฮี้แห่งนี้มีความงดงามทางด้านวัฒนธรรมที่ซุกซ่อนอยู่ในความงดงามของธรรมชาติ
ชมวิวจนเต็มอิ่ม พวกเราก็เดินทางต่อไปที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่โด่งดังจากภารกิจกู้ภัย 13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมี เมื่อไปถึงนายกวี ประสมพล หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานก็มาให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ 13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมีติดถ้ำ รวมทั้งภารกิจกู้ภัย จากนั้นก็พาไปชมอนุสาวรีย์จ่าแซม-นาวาตรีสมาน กุนัน ฮีโร่ถ้ำหลวงซึ่งหล่อด้วยโลหะบรอนซ์ ตามด้วยภาพวาดเดอะฮีโร่ ภาพประวัติศาสตร์บอกเล่าเรื่องราวเหตุการณ์และบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการร่วมค้นหาและช่วยเหลือนักเตะเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยศิลปินขัวศิลปะเชียงรายกว่า 300 ชีวิต นำโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้ช่วยกันวาดขึ้น จากนั้นก็พาไปชมปากถ้ำหลวง-ขุนนางนอน ถ้ำหลวง-ขุนนางนอนเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่มีความยาวมากกว่า 7 กม. ถือเป็นถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย ภายในถ้ำจะพบกับความงามของเกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด แต่การเดินทางเข้าไปชมนั้นค่อนข้างลำบากทีเดียว ควรมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วยทุกครั้ง โดยจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมได้ คือโถงถ้ำ มีอยู่ 3 โถงด้วยกัน คือโถงปากถ้ำ โถงที่ 2 และ 3 นครบาดาล โถงพัทยาบีชที่ จุดเนินนมสาวที่ทีมกู้ภัยพบทั้ง 13 ชีวิต โถงลับแล และยังมีจุดต่างๆ ให้แวะชม เช่น ท้องฟ้าจำลอง เขาวกวน ถ้ำกระดูก เจดีย์ทราย มงกุฎเพชร ลานเพลิน บ่อน้ำทิพย์ หินย้อยรูปสไบ นครลอยฟ้า ฯลฯ
                ตามรอย13 ชีวิตหมูป่าอะคาเดมีแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปที่ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่จัน ไร่ชาเก่าแก่กว่า 500 ไร่ ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติและทิวเขาที่สวยงาม เมื่อเรามาถึงด้านหน้าไร่ชาฉุยฟง ก็จะเห็นแลนด์มาร์คที่สวยงาม เป็นไร่ชาที่ปลูกลดหลั่นเป็นขั้นบันไดบนภูเขาสูง พอขึ้นไปด้านบนก็จะถึงฉุยฟง ที คาเฟ่ เป็นอาคาร open air ที่เป็นลานกว้าง ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นไปถ่ายรูปวิวสวยๆ ของ ไร่ชาที่โค้งไปตามไหล่เขาที่ลดหลั่นเป็นขั้นบันไดแบบพาโนรามา ดูสวยงามมากๆ และที่นี่ยังให้บริการเครื่องดื่ม ชาเขียว เบอเกอรี่ ไอศกรีม และเป็นจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของทางไร่ชาด้วย
ปิดท้ายด้วยการไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่น ที่ฮิโนกิแลนด์ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ อาณาจักรไม้ฮิโนกิแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย สร้างเป็นเมืองจำลองแบบญี่ปุ่นขนานแท้ เริ่มจากอาคารซุ้มประตูทางเข้าที่จำลองประตูอสุนีของศาลเจ้าอาซากุสะที่โตเกียว โดดเด่นด้วยโคมสีแดง เขียนด้วยตัวอักษรสีดำว่า “คามินาริ” ซึ่งเป็นชื่อของประตูตามต้นแบบ พ้นจากโถงต้อนรับก็จะพบกับอุโมงค์เสาโทริอิจำลอง จำนวน 88 ต้น ซึ่งอุโมงค์จะพาไปบรรจบกับลานด้านหน้าปราสาทฮิโนกิ ที่สร้างขึ้นจากไม้สนฮิโนกิทั้งหลังตามแบบปราสาทดั้งเดิมของโชกุน ที่จำลองมาจากปราสาททองคินคาคุจิในเมืองเกียวโตด้วยสัดส่วน 1 ต่อ 3 (ปราสาทจำลองมีขนาดใหญ่กว่าปราสาทของจริงถึง 3 เท่า) มีทั้งหมด 4 ชั้น ที่ชั้นบนของปราสาทประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิม (แกะสลักจากไม้สนฮิโนกิ) ภายในอบอวลด้วยกลิ่นหอมจากน้ำมันในเนื้อไม้ ขณะที่พื้นผิวสีทองอร่ามและความเนียนเรียบบนพื้นผิวที่ห่อหุ้มลวดลายธรรมชาติของเนื้อไม้ก็สร้างสุนทรียภาพในแทบทุกโสตสัมผัสขณะเหยียบย่างอยู่ภายในอาคาร ด้านข้างของปราสาทยังเป็นบ่อปลาคาร์ป และอาคารแสดงสินค้าจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
เรื่อง/ภาพ...อนุรักษ์ มงคลชัยประทีป/พรพรรณ ท้าวกาหลง
                               ID.Line ..rakphoto
                                                             Website..www.daosiamnews.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

งาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiang Rai Flower and Art Festival 2024”

งาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย Chiang Rai Flower and  Art Festival 2024”  16 ธ.ค. 2567 ถึงวันที่ 5 ม.ค. 2568  ณ สวนไม้งามริมน้ำกก         ...