สทท.จัดประชุมคณะกรรมการบริหารสภาฯ ประจำเดือน ครั้งที่ 7/2563-2565
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จัดประชุมคณะกรรมการบริหารสภาฯ ประจำเดือนครั้งที่ 7/2563-2565 โดยมี นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ (โกจง) ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธาน โดยมีคณะกรรมการบริหารสภาฯ ได้แก่ ว่าที่ร้อยตรีเอนก นุรักษ์, นายธเนศ วรศรันย์, นางสมทรง สัจจาภิมุข, นายวิชิต ประกอบโกศล, นายสุรวัช อัครวรมาศ, นายสุทธิพงษ์ เผื่อนพิภพ, นายอดุลย์ชัย รักดำ, นายโสพนา บุญสวยขัวญ, พล.อ.ต.สุรพล นะวะมวัฒน์ และนายสุทธิพงษ์ ผาณิตพจมาน เข้าร่วมประชุม และผ่านระบบประชุมออนไลน์ (ZOOM) ไปยังสมาชิกสภาฯ ณ ห้องประชุมกินรีชั้น 10 อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
การประชุมสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ประจำเดือนครั้งนี้ มีสาระสำคัญที่แจ้งไปยังสมาชิกสภาฯ ได้แก่
การประชุมร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และคลังสมอง 13 สาขาอาชีพ รวมทั้งบริษัทท่องเที่ยว ในตลาดธุรกิจนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศ อาทิ รัสเซีย เกาหลี อาเชี่ยน ยุโรป แอฟริกา อเมริกา เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งน่าจะเป็นประเทศแรกๆ ในอาเซียนที่มีความพร้อมเปิดประเทศ โดยเริ่มจาก 10 จังหวัดนำร่อง เริ่มที่จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก โดยต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ประมาณ 70% ต้องมีความพร้อมในทุกด้าน และเปิดประเทศน่าจะเป็นต้นเดือนกรกฎาคม และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาก็ต้องเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงน้อย และต้องฉีดวัคซีนแล้ว โดยมีผลสรุปคือ บริษัททัวร์ต่างประเทศพร้อมที่จะนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยจริงๆ และมี Demand จริงๆ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และรัฐบาลไทย ต้องช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องของวีซ่า หรือ Landing ฟรีได้ไหม หรือช่วยสนับสนุนอย่างใดอย่างหนึ่ง และให้ สทท. เป็นเจ้าภาพในการไปดู Supply Side ว่ามีความพร้อมหรือไม่ อย่างเช่นวัคซีนฉีดไปตามเป้าหรือยัง จะดีเดย์ไหม ทาง สทท. และการ ททท. ก็จะลงไปที่ภูเก็ตในวันที่ 2 มิถุนายน 2564 พร้อมไปพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ทั้งโรงแรม รถท่องเที่ยว เรือ ร้านอาหาร และเกาะต่างๆ ว่ามีความพร้อมหรือไม่ ขาดอะไรที่ต้องไปเสริม และต้องมีมาตรฐาน SHA Plus ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องฉีดวัคซีน 100% เพื่อสร้างความมั่นใจซึ่งกันและกัน และจะมีการนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐบาล ในการประชุมต่อไป และวันที่ 4 มิถุนายน 2564 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่า ททท. จะนำเรื่องเข้า สคบ. ชุดเล็ก และมั่นใจได้ว่าการท่องเที่ยวภูเก็ตเดินหน้าต่อไปได้แน่่
การประชุมคลังสมองตลาดธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศ จะมีการแบ่งคณะกรรมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องๆ ไป แต่เรื่องด่วนตอนนี้ก็เป็นเรื่องเปิดประเทศ เป็นเรื่องของปากท้องประชาชน เมื่อตลาดต่างประเทศไปได้ชัดเจนแล้ว แล้วตลาดในประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวโดยไทยเที่ยวไทยก็ต้องทำต่อ อย่างเช่น โครงการชีพจรลง South สทท. เชื่อว่าการกระตุ้นตลาดไทยเที่ยวไทยมาถูกทางแล้ว การท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวเป็นวาระหลักๆ ของ สทท. สทท.จะเชิญทุกสมาคมในส่วนกลาง ซึ่งเราเรียกว่าเป็นฝ่ายขาย โดยในอนาคตที่ทางสทท. จะทำคือการจัดอบรม สัมมนา แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะ เพื่อให้เขาแข็งแกร่งเรื่องอาวุธทางปัญญา การขายทางออนไลน์ หลังจากโควิด-19 เบาบางลง จะเห็นว่าไทยเที่ยวไทยจะกระตุ้นทันที ตั้งแต่เครื่องมือขาย ให้ความรู้การตลาดสมัยใหม่ สินค้ามีการเปลี่ยนไป ทาง สทท. ก็ได้ไปปรึกษาหารือกับคุณฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ว่าหลังจากนี้พื้นที่เป้าหมายนำร่อง 5 ภาค อย่างเช่น น่าน พิษณุโลก เชียงราย ภาคอีสานหลายเมือง เราพร้อมที่จะลงพื้นที่ แต่ขอให้โควิด-19 เบาบางกว่านี้ โดยใช้โมเดลชีพจรลง South กระตุ้นโดยบริษัทนำเที่ยวก่อนเป็นรถบัส การนำเที่ยวระหว่างจังหวัด เมื่อสินค้าและการตลาดที่เปลี่ยนไป การโอเวชั่นก็ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน อย่างเช่น พนักงาน 1 คนต้องเก่งหลายๆ อย่าง อยู่โรงแรมอาจจะอัพ Content ให้โรงแรมบ้าง เป็นเด็กเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ไม่ได้แล้ว Smart Tourism เสนอทุกวัน ไทยเที่ยวไทยต้องพร้อมมากๆ ตั้งแต่การเปิดบูธ ต่อยอดมาถึงขายออนไลน์ ต่อยอดมาขายในห้างของ ททท. เร็วๆ นี้เราจะเดินหน้าทันทีที่โควิด-19 เบาบางลง
การประชุมความร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมทำ ระหว่่าง ททท. และ สทท. ในการขับเคลื่อนโครงการ "งานไทยเที่ยวไทย" เราจะไม่เลือกไม่แบ่งสมาคม เราต้องทำงานร่วมกันกับทุกสมาคม เราต้องการ 1,000 เอเย่นต์ งานไทยเที่ยวไทย โดย สทท. ร่วมกับ ททท. สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว โดยการสนับสนุนจากภาครัฐ 4 หน่วยงานทบวงกรม ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 2-5 กันยายน 2564 ที่ศูนย์การค้าไอคอน สยาม ทาง สทท. จะจัดบูธให้ฟรีอย่างเป็นสัดส่วนให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่ได้มา เพราะพื้นที่อีกครึ่งหนึ่งจะเป็นการขายบูธตามปกติ
และเป็นกระบอกเสียงในเรื่องต่างๆ เช่น ในเรื่องของการฉีดวัคซีนในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการผ่อนปรน ค่าธรรมเนียมในการต่อทะเบียนรถ เรือ มัคคุเทศก์ และบริษัทนำเที่ยวต่างๆ เงินกู้เพื่อเตรียมความพร้อมบางส่วน เรื่องค่าใช้จ่ายในการเปิดเมือ ซึ่งไม่เกี่ยวกับกองทุนฟื้นฟูท่องเที่ยว ความั่นใจเรื่องของความพร้อมทุกด้านในเมืองที่จะเปิด การกระตุ้นท่องเที่ยวต้องชัดเจน โครงการต้องเข้าถึงได้ จับต้องได้ และด้านแหล่งทุนต่างๆ
ในส่วนของรถบัส (รถโดยสารไม่ประจำทาง) อยากให้รถโดยสารไม่ประจำทางวิ่งภาคละ 1,000 คันต่อเดือน 5 ภาค ก็ 5,000 คันต่อเดือน ก่อให้เกิดการเดินทาง 1 ล้านคน ซึ่งสามารถเริ่มได้เลยในเมืองสีเขียว ไม่ต้องรอเปิดเมือง และก็ขอให้มีกองทุนในการฟื้นฟูสภาพการซ่อมรถและเรือด้วย
เรื่องการพิจารณาสรรหาประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด
และเรื่องการพิจารณาร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สทท. กับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น