สทท. ร่วมกับ ททท. ดันโครงการ "ไทยยิ้ม"
ขอบคุณรัฐบาล จากนี้ไป ท่องเที่ยวไทยจะนำพาคนไทยยิ้ม ...
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ผลักดันโครงการ "ไทยยิ้ม" ขอบคุณรัฐบาล จากนี้ไปท่องเที่ยวไทยจะนำพาคนไทยยิ้ม การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตามแนวคิด BCG
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย โดยมีนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) นายวิชิต ประกอบโกศล รองประธาน สทท. คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธาน สทท. และ รศ.ผกากอง เทพรักษ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัย ร่วมแถลงข่าวโครงการ "ไทยยิ้ม" ขอบคุณรัฐบาล จากนี้ไปท่องเที่ยวไทยจะนำพาคนไทยยิ้ม การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตามแนวคิด BCG พร้อมแถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 1/2564 และไตรมาสที่ 2/2564 โดยมีรองประธาน สทท อีกหลายท่านได้แก่ นายธเนศ วรศรันย์ นางสมทรง สัจจาภิมุข นายสุรวัช อัครวรมาศ และผู้ช่วยประธาน สทท. อย่าง นายธวัชชัย เงยเจริญ นายสุทธิชัย ชื่นชมระดา นายเด่น มหาวงศ์นันท์ รวมทั้งนางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ตัวแทนจาก ททท. ร่วมงานด้วย ที่ห้องประชุมกิ่งทองโรงแรมเอเชีย ราชเทวี กทม. เมื่อ วันที่ 29 มีนาคม 2564
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แสดงความขอบคุณรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสนับสนุนแนวทางการเปิดประเทศ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ผ่านการฉีดวัคซีนครบแล้วโดยไม่ต้องกักตัว เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม นำร่องพื้นที่หวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงร้อยละ 89 คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 420,000 ล้านบาทในปี 2562 โดยช่วง 1 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักและรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี อีกทั้งยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่นเป็นลูกโซ่ เกี่ยวเนื่องและเศรษฐกิจประเทศไทยเสียหายเป็นวงกว้าง
วันนี้ภาครัฐให้สัญญาณที่จะเริ่มทดลองเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวทั้งหมดทุกสาขาอาชีพจะต้องรวมใจกัน เพื่อทำให้ความตั้งใจดีของภาครัฐเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจประเทศไทย โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ทาง สทท. ขออาสาขับเคลื่อน 3 เรื่อง คือ 1. ประสานความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการจัดหา กระจาย และการฉีดวัคซีนลงในพื้นที่ภูเก็ต เพื่อให้คนในพื้นที่ทั้งหมดได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง เตรียมพร้อมสร้างการรับรู้และความมั่นใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการสำหรับที่จะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนกรกฎาคม 2. เร่งผลักดันนโยบายท่องเที่ยวสีขาวและ BGC ในกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ผ่าน Happy Model (โมเดลอารมณ์ดี มีความสุข) เพื่อให้การท่องเที่ยวที่จะเริ่มขึ้นใหม่ไม่สร้างปัญหาให้กับพื้นที่และสิ่งแวดล้อมเหมือนในอดีต สามารถอำนวยความสะดวก ปลอดภัย เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง (Inclusiveness) 3. วางแผนการตลาดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้ให้บริการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นความต้องการท่องเที่ยวและจัดการเดินทางของตลาดหลักที่มีความเสี่ยงต่ำและนักท่องเที่ยวได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว โดยคาดว่าภายในครึ่งปีหลังนี้จะสามารถสร้างรายได้ตรงเข้าสู่ Value Chain ของภูเก็ตได้ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้จะถูกกระจายไปยังธุรกิจ SME และชุมชนทั่วประเทศ สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท
คุณมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธาน สทท. และนายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการปรับให้สินค้าและบริการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นการท่องเที่ยวแนวใหม่ โดยนายชำนาญ ศรีสวัสดฺิ์ ประธาน สทท. นอกจากจะต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องความสะอาด ปลอดภัย ไม่เอาเปรียบ และดีต่อสุขภาพแล้ว ยังต้องมีแนวทางที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งจากแนวคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น หมดยุคที่จะขายของถูกกับตลาดอะไรก็ได้ จากนี้ไปเราต้องการโฟกัสที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ทั้งมีรายได้สูง และต้องมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพกายใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะยินดีจ่ายเงินเพิ่มให้กับคุณค่าที่ตอบสนองความต้องการ สทท. จะนำแนวคิด กินดี อยู่ดี ออกกำลังกายดี และแบ่งปันสิ่งดีๆ จาก Happy Model เข้าไปปรับใช้กับผู้ประกอบการในภูเก็ตเพื่อเป็นต้นแบบ และจะเชื่อม Supply Chain ในพื้นที่ไปให้ถึงเกษตกร ชุมชน และผู้ประกอบการ SME ทั้งในและนอกเกาะ
ด้านคุณวิชิต ประกอบโกศล รองประธาน สทท. ด้านตลาดต่างประเทศ ได้กล่าวนำเสนอกลุ่มตลาดที่น่าสนใจว่า ในด้านตลาดเป้าหมายสำหรับการเปิดเกาะภูเก็ตในครึ่งปีหลัง ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำและได้รับการฉีดวัคซีนจนถึงปัจจุบันในอัตราสูง และคาดว่าภายในช่วง 3 เดือนจากนี้ไปตัวเลขผู้รับวัคซีนครบแล้วในตลาดเหล่านี้จะสูงขึ้นอีกมาก จากการประมาณขั้นต่ำคาดว่าประเทศไทยจะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเฉพาะในพื้นที่ภูเก็ตไม่น้อยกว่า 105,000 ล้านบาท
ทางด้าน รศ. ผกากรอง เทพรักษ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัย กล่าวรายงานว่าผู้ประกอบการคาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาส 2/2564 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะดีกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากมีเทศกาลสำคัญๆ หลายเทศกาล ส่วนภาคกลางเป็นภูมิภาคที่คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวต่ำที่สุดเนื่องจากยังมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าภูมิภาคอื่น ในไตรมาส 1/2564 ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีการเปิดบริการตามปกติลดลงเหลือร้อยละ 67 โดยลดลงจากไตรมาส 4/2563 ร้อยละ 18 ปิดกิจการชั่วคราวร้อยละ 14 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2563 ร้อยละ 4 และมีการปิดกิจการถาวรประมาณร้อยละ 3 เท่าเดิม นอกจากนี้พบว่าในไตรมาสนี้ สถานประกอบการร้อยละ 60 มีการลดจำนวนพนักงาน โดยเหลือพนักงานอยู่ประมาณร้อยละ 52 และร้อยละ 67 มีการลดเงินเดือนหรือค่าจ้าง โดยลดค่าจ้างลงประมาณ ร้อยละ 30 ด้านผลประกอบการพบว่าธุรกิจโรงแรมที่พักร้อยละ 83 ธุรกิจบริการขนส่งร้อยละ 73 บริษัทนำเที่ยวร้อยละ 97 และแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นร้อยละ 90 มีรายได้ไม่เกินร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงปกติ สำหรับตลาดไทยเที่ยวไทยเมื่อเทียบจำนวนครั้งพบว่า ในปี 2562 คนไทยมีการเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดโดยเฉลี่ย 3.25 ครั้งต่อคนต่อปี โดยมีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 4,950 บาทต่อคนต่อทริป และคาดว่าในปี 2564 นี้ จะมีการเดินทางท่องเที่ยวโดยเฉลี่ย 2.0 ครั้งต่อคนต่อปี และมีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 2,844 บาทต่อคนต่อทริป
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวปิดท้ายว่า จากวันนี้ไปท่องเที่ยวจะกลับมาช่วยประเทศได้อีกครั้ง แม้ว่าจะมีอีกหลายท่านหลายสำนักคิดจะยังคงเชื่อว่าเราต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการกลับมาสร้างรายได้เหมือนเดิม แต่สำหรับคนที่อยู่ในวงการเรารู้ถึงกระแสความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เหมือนน้ำเต็มเขื่อน รอเวลาที่จะมีการเปิดการเดินทาง และมั่นใจมากว่าขอเพียงเราสามารถจัดระบบการเดินทางที่สะดวกและปลอดภัยได้จริง ประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายแรกที่ทุกประเทศจะมุ่งมาท่องเที่ยว ทั้งนี้ยังคงต้องการความชัดเจนจากภาครัฐในการประกาศการเปิดภูเก็ตในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้อย่างเป็นทางการ โดยควรประกาศก่อนสงกรานต์นี้เพื่อให้ทุกฝ่ายมีเวลาในการเตรียมการ และจากประสบการณ์ที่ภาคท่องเที่ยวต้องเจอกับเหตุไม่คาดฝันอยู่ตลอด ควรใช้โอกาสนี้ในการเริ่มเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเข้ากองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งกำหนดไว้ในพ.ร.บ. นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เพื่อไว้ใช้ดูแลนักท่องเที่ยว ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและใช้ประคองผู้ประกอบการในภาวะวิกฤติ ...